แม้ว่า Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยประกาศว่า การเลิกจ้างพนักงานจะเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่การยกเลิกโครงการรถยนต์ไร้คนขับที่ชื่อว่า "Project Titan" และการพัฒนาจอภาพ microLED สำหรับ Apple Watch Ultra รุ่นใหม่ ส่งผลให้พนักงานจำนวนมากต้องออกจากงานหรือย้ายแผนก
ตามรายงานล่าสุด พนักงานกว่า 700 คนอาจสูญเสียงาน โดยข้อมูลนี้เปิดเผยขึ้นหลังจากที่ Apple ยื่นเอกสาร WARN (Worker Adjustment and Retraining Notification) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
การอัพเดทข้อมูลล่าสุดจากรายงาน WARN ที่จัดทำโดยกรมพัฒนาการจ้างงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกเว็บไซต์ 9to5Mac นำไปเผยแพร่ โดยระบุว่า Apple จะลดจำนวนพนักงานลง 58 คน จากสำนักงานแห่งหนึ่งในเมือง Santa Clara ซึ่งเป็นสำนักงานเดิมของ LuxVue Technology บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านแผงจอภาพ microLED ที่ Apple เข้าซื้อกิจการในปี 2014
แต่น่าเสียดายที่ Apple ยกเลิกการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิตและราคาที่สูงเกินไป ทำให้ไม่คุ้มทุนสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ ซึ่งหมายความว่า Apple Watch Ultra รุ่นต่อไปจะยังคงใช้จอภาพ OLED
นอกจากนี้ Apple ยังยื่นเอกสารแจ้งการเลิกจ้างพนักงานอีกกว่า 120 คนในเมือง San Diego ซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบการประเมินผลการตอบสนองของผู้ใช้ต่อ Siri และช่วยปรับปรุงความแม่นยำของผู้ช่วยเสียง แม้ว่าการสูญเสียงานจะเป็นเรื่องยากลำบากในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ แต่ Apple ก็ได้เสนอโอกาสให้พนักงานที่สามารถย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเมือง Austin รัฐ Texas
สำหรับพนักงานที่ตัดสินใจไม่ทำงานกับ Apple ต่อ บริษัทฯ จะมอบเงินชดเชยตามระยะเวลาการทำงานที่บริษัทฯ
แม้ว่าโครงการ Apple Car และจอภาพ microLED จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทะเยอทะยานของบริษัทฯ แต่การยกเลิกโครงการเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า Apple กำลังมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น เพราะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า วิศวกรของ Apple กำลังพัฒนาหุ่นยนต์เคลื่อนที่ที่จะสามารถติดตามเจ้าของภายในบ้านและทำงานต่างๆ เช่น ล้างจาน
แน่นอนว่า โครงการนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้น และอาจถูกยกเลิกได้เช่นกัน หาก Apple มองไม่เห็นช่องทางในการทำกำไรจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอนาคต
ที่มา: wccftech