โรมัน อบราโมวิช ชายผู้ที่แฟนบอลเชลซีรักมากที่สุด

โรมัน อบราโมวิช ชายผู้ที่แฟนบอลเชลซีรักมากที่สุด

ข่าวกีฬา สำหรับแฟนบอลเชลซีในชั่วโมงนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ คงไม่มีเรื่องราวใดในวงการฟุตบอลโลกน่าใจหายไปกว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดสีน้ำเงินไหลเวียนอยู่ในตัวเขามาครึ่งค่อนชีวิต ได้ตัดสินใจขายสโมสรฟุตบอลอันเป็นที่รักและเปรียบเสมือนบ้านอันแสนอบอุ่นของเขามาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี

จริงอยู่ที่ว่าการเปลี่ยนมือเจ้าของทีมฟุตบอลก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับการเปลี่ยนสีของใบไม้ไปตามฤดูกาล แต่มันก็เป็นความจริงที่สุดเศร้าและน่าใจหายสำหรับเหล่าสาวก ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ไม่น้อย เพราะพวกเขารู้ดีว่า การที่ เชลซี ได้ผงาดขึ้นมาเป็นทีมเบอร์ต้นของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ทุกวันนี้นั้น

นอกจากเรื่องของเงินทองแล้ว ทุกอย่างมันแลกมาด้วยความรัก ความทุ่มเท และจิตวิญญาณของ ‘โรมัน อบราโมวิช’ คนนี้ ที่ทำเพื่อทีมมาโดยตลอด

roman-abramovich-chelsea-01

หากหมุนย้อนเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2003 นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ชายคนนี้คลั่งไคล้ฟุตบอลเข้ากระแสเลือด หลังจากที่เขาได้เข้าชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นเกมสุดระทึกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด ในเกมนั้น โรนัลโด้ ที่ยืนตำแหน่งกองหน้าของเรอัล มาดริด ทำแฮททริกไปได้อย่างสวยงาม

แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ เดวิด เบ็คแฮม ตัวสำรองของแมนฯ ยูไนเต็ด ถูกเปลี่ยนตัวลงมา แถมยังซัดไปคนเดียว 2 ประตู ทำให้ทีมปีศาจแดงสามารถพลิกเอาชนะไปได้ 4-3 การสู้ด้วยสปิริตสุดตัวของแมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับ อบราโมวิช และเขาก็ตกหลุมรักฟุตบอลทันที จนถึงขั้นที่เขาอยากจะซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษเพื่อเอามาบริหารเอง

roman-abramovich-chelsea-02

บรูซ บัค ซีอีโอของเชลซีในตอนนั้นเคยเล่าไว้ว่า “การได้เข้าชมเกมนั้นทำให้โรมันตะลึงและตกหลุมรักฟุตบอลทันที เขาถึงกับหันไปถามที่ปรึกษาว่า มันจะมีทางเป็นไปได้ไหม ที่จะซื้อสโมสรฟุตบอลที่อังกฤษเอามาบริหารเอง”

หลังจบเกมแชมเปี้ยนส์ลีกในวันนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมตัวเต็งที่ เสี่ยหมี อยากจะดีลด้วย แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยจังหวะเวลาต่าง ๆ ที่ไม่ลงตัว จึงทำให้เขาหันหัวเรือมาที่ เชลซี ซึ่งกำลังเริ่มมีปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินจากการบริหารที่ผิดพลาดของ เคน เบตส์ เจ้าของทีม ณ ขณะนั้น และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลเชลซี ด้วยมือของชายที่ชื่อว่า โรมัน อบราโมวิช

ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งกับกีฬาอันยอดเยี่ยมนี้ ความทะเยอทะยานของผมผลักดันให้ผมมาที่นี่ สโมสรแห่งนี้อยู่มาก่อนผม และแน่นอนว่าจะยังคงอยู่เหมือนเดิมเมื่อผมจากไป งานของผมคือการทำให้ทุกคนประจักษ์ว่า เราจะประสบความสำเร็จเท่าที่เราจะทำได้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อการสร้างอนาคต

นี่คือคำพูดที่เขาได้ให้ไว้เมื่อครั้งที่เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซีเมื่อปี 2003 และแน่นอนว่า เขาทำให้ประวัติศาสตร์ของเชลซีเปลี่ยนไปจริง ๆ ดั่งคำที่เขาพูดไว้ วันเวลาผันผ่านไปเกือบ 20 ปีเต็ม ๆ ที่เสี่ยหมีทำทุกอย่างเพื่อเชลซี

ชายคนหนึ่งได้เปลี่ยนให้กรุงลอนดอนเข้มข้นไปด้วยสีน้ำเงิน ริบบิ้นสีน้ำเงินที่ถูกผูกบนถ้วยแชมป์พลิ้วไหวอย่างงดงามถ้วยแล้วถ้วยเล่า จากที่เคยเป็นทีมกลางตาราง ถูกยกระดับให้กลายเป็นทีมระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ฐานแฟนบอลเพิ่มมากขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ จากวันนั้นที่เขาควักกระเป๋าจ่ายเงินไป 140 ล้านปอนด์เพื่อซื้อเชลซี อบราโมวิช ได้เนรมิตให้เชลซีกลายเป็นทีมที่มีมูลค่าพุ่งทะยานไปถึง 2000 ล้านปอนด์ในตอนนี้

โดยเริ่มตั้งแต่พลิกโฉมสนามซ้อมใหม่ สร้างพิพิธภัณฑ์เป็นของทีมตัวเอง ทุ่มเม็ดเงินไม่อั้นในการซื้อตัวนักเตะเข้ามาร่วมทีม จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่ใช้เงินไปมากที่สุดในโลกภายในระยะเวลาไม่ถึง 20 ปี ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า เส้นทางที่สวยงามของเชลซีในตอนนี้มันเกิดจากการปูพรมด้วยวิสัยทัศน์ที่แข็งกร้าวและชัดเจนของอบราโมวิช

roman-abramovich-chelsea-03

จริงอยู่ที่เขาขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดและไร้หัวใจ การใช้ผู้จัดการทีมไปถึง 16 คน ภายในระยะเวลา 19 ปี เป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าเขาบ้าดีเดือด โชเซ่ มูรินโญ่ พาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกได้สำเร็จ

แต่หลังจากนั้นผลงานไม่เข้าตาเท่าไรนัก ก็โดนเขี่ยกระเด็นทันที ต่อมา คาร์โล อันเชลอตตี พาทีมคว้าถ้วยเอฟเอคัฟมาได้ พร้อมสร้างสถิติทำประตูไปถึง 100 ลูก ภายในฤดูกาลเดียว แต่นั่นก็ยังไม่เป็นที่พอใจของเสี่ยหมู โรแบร์โต ดี มัตเตโอ คนที่ช่วยให้เชลซีคว้าถ้วยแชมป์ยุโรปมาได้ใบแรกก็ยังต้องโดนปลดเมื่อผลงานเริ่มแป๊ก หรือแม้แต่ลูกรักอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เสี่ยหมีรักนักรักหนา แต่เมื่อไม่สร้างผลงานที่ดีให้กับทีม ก็จำต้องเก็บกระเป๋าออกไปเช่นกัน

จำนวนเงินมหาศาลกว่า 113 ล้านปอนด์ที่ อบราโมวิช ต้องเสียไปจากการปลดโค้ชแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่เจ้าตัวรู้ดี แต่มันก็เทียบไม่ได้กับจำนวนเงินที่เขายอมควักกระเป๋าตังค์ตัวเองเพื่อให้ได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดมาร่วมทีม เพราะในพจนานุกรมของอบราโมวิชมีแต่คำว่าความสำเร็จของทีมเท่านั้น

roman-abramovich-chelsea-04

เมื่อเริ่มแรกของการเป็นเจ้าของสโมสร อบราโมวิช เคยเอ่ยประโยคหนึ่งกับ มูรินโญ ว่า “ถ้าต้องการนักเตะคนไหนให้เลือกมาได้เลย คนไหนก็ได้ในยุโรป” คุณอาจจะกำลังคิดว่ามันเป็นประโยคที่ฟังคล้ายกับการการโอ้อวดหรือการพูดทีเล่นทีจริงของมหาเศรษฐีคนหนึ่ง แต่คุณคิดผิด เพราะการอัดเงินอย่างเต็มสูบในการไล่ล่านักเตะเป็นสิ่งที่เขาเลือกทำทันที ณ เวลานั้น ปี 2002 เชลซีไม่ได้เสียเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวในการซื้อตัวนักเตะ

แต่เมื่ออบราโมวิชเข้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2003 เขาใช้เงินไปถึง 111 ล้านปอนด์ในการซื้อตัวผู้เล่น และมันก็แน่นอนว่า ไม่เคยมีทีมไหนในอังกฤษที่บ้าระห่ำในการทุ่มเงินไปมากมายมหาศาลขนาดนี้

roman-abramovich-chelsea-05

ก่อนหน้าที่จะมีกฎ Financial Fair Play เสี่ยหมีเปย์ไม่อั้นในการซื้อตัวนักเตะเข้ามาเชลซี เพื่อที่จะให้ทีมเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จให้เร็วที่สุด ซึ่งจะมีทีมไหนในโลกฟุตบอลที่จะจ่ายเงินซื้อกองหน้าอย่าง อาเดรียน มูตู กับ เฮอร์นัน เครสโป มาพร้อมกัน หรือแม้แต่การควักเงินซื้อ แดเมียน ดัฟฟ์ กับ โจ โคล มาเล่นในตำแหน่งปีกทั้งคู่

และเมื่อพอมีกฎ Financial Fair Play เสี่ยหมูก็ยังคงคอนเซ้ปต์พ่อบุญทุ่มแบบเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยการคว้าตัว เชฟเชนโก ดาวยิงชาวยูเครนมาด้วยราคา 30 ล้านปอนด์ ซื้อ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ มาในราคา 21 ล้านปอนด์ กองหน้าอย่าง โมราตา ที่ต้องจ่ายไปถึง 70 ล้านปอนด์ก็ไม่หวั่น และที่สร้างความฮือฮาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการยอมจ่ายค่าตัวให้กับ ลูลากู ไปสูงถึง 97.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์การซื้อขายนักเตะ เสี่ยหมีก็ทำมาแล้ว

แน่นอนว่ามันได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดซื้อขายอย่างมาก ทั้งหมดคือการพิสูจน์มาตลอดเกือบ 20 ปีว่า อบราโมวิช ไม่เคยขี้โม้ เขาไม่เคยสนใจว่าตลาดซื้อขายจะปั่นป่วนมากน้อยเพียงใด แค่ลองเขาอยากได้นักเตะคนไหนแล้วละก็ เขาก็จะต้องได้

roman-abramovich-chelsea-06

ทุกสายพานภายใต้การบริหารงานของ โรมัน อบราโมวิช มันถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำมันชั้นดีที่เรียกว่า แพสชั่น ของผู้ชายคนนี้ เขาคือหัวเครื่องจักรชิ้นสำคัญที่สุดที่ทำให้เชลซีคว้าถ้วยแชมป์มาได้ถึง 21 แชมป์ ภายในระยะเวลา 19 ปี สิงโตน้ำเงินครามกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุดในเกาะอังกฤษ กับการคว้า 5 แชมป์ลีก 5 ถ้วยเอฟเอคัพ 3 ถ้วยลีกคัพ 2 ถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก 2 ถ้วยยูโรป้าลีก 2 ถ้วยเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 1 ถ้วยยูฟ่าคัพ และ 1 แชมป์สโมสรโลก

หากเราถามแฟนแมนยูว่าทำไม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงประสบความสำเร็จ แฟนบอลส่วนใหญ่ก็ต้องตอบว่า เพราะเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือถ้าไปถามแฟนลิเวอร์พูล พวกเขาก็คงตอบว่า เพราะเจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ถ้าคุณไปถามแฟนเชลซี แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องตอบว่า ทั้งหมดมันเป็นเพราะ โรมัน อบราโมวิช ผู้ชายที่เลือกสิ่งที่สุดที่สุดเสมอเพื่อเชลซี แม้สิ่งนั้นจะแลกมาด้วยความบ้าดีเดือด ไม่ว่าจะเป็นการปลดโค้ชไปนับไม่ถ้วน การทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อนักเตะหรือเพื่อพลิกโฉมภาพลักษณ์ของสโมสร แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะความบ้าดีเดือดนี้ของเขาแล้วละก็ เชลซี คงไม่มีวันขึ้นมายืนเป็นทีมฟุตบอลแนวหน้าระดับโลกอย่างทุกวันนี้แน่นอน

roman-abramovich-chelsea-07

และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เหล่าแฟนบอลยกย่องและนับถือน้ำใจเขา นั่นก็เป็นเพราะว่า ชายคนนี้ยึดเอาความสำเร็จของทีมเป็นที่ตั้ง มากกว่าที่จะมองเรื่องของกำไรขาดทุน หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษต้องเจอกับความเห็นแก่ตัวของเจ้าของทีมที่หวังแต่จะสูบเลือดเนื้อเอาแต่ผลประโยชน์ แต่มันไม่ใช่กับชายคนนี้ เขาทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป

อบราโมวิช ยังคงมุ่งมั่นในการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเชลซี แต่วินาทีนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่บีบบังคับและความโหดร้ายของสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงมีทีท่าว่าจะไม่จบลงง่าย ๆ มันก็ทำให้ โรมัน อบราโมวิช จำเป็นจะต้องสิ้นสุดการเดินทางของเขาตลอดระยะเวลา 19 ปีกับสโมสรเชลซีลงเพียงเท่านี้

ผมตัดสินใจด้วยหัวใจของผมเสมอเพื่อผลประโยชน์ของสโมสร และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ผมจึงตัดสินใจขายสโมสร เพราะผมเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับสโมสร บรรดาแฟนบอล เหล่าสตาฟฟ์ ตลอดจนสปอนเซอร์ และพาร์ตเนอร์ของเรา การขายสโมสรจะเป็นไปตามกระบวนการ และมันจะไม่เสร็จสิ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผมไม่ร้องขอให้สโมสรคืนเงินที่ยืมผมไป ซึ่งผมและทีมงานได้ก่อตั้งมูลนิธิการกุศลขึ้นมาโดยเงินจากการขายสโมสรทั้งหมดจะถูกนำไปบริจาค และผลประโยชน์ที่ได้จะถูกส่งต่อให้กับเหยื่อสงครามในยูเครน

นี่คือการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุด และมันทำให้ผมเจ็บปวดที่ต้องแยกทางกับสโมสรในรูปแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เชื่อว่านี่จะเป็นผลประโยชน์สูงสุดของทีม ผมหวังว่าผมคงจะได้ไปที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบอกลาพวกคุณทุกคนด้วยตัวเอง นับเป็นเกียรติของชีวิตที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรฟุตบอล เชลซี และผมภูมิใจกับความสำเร็จที่เรามีร่วมกัน สโมสรฟุตบอล เชลซี และแฟนบอล จะอยู่ในใจของผมตลอดไป

roman-abramovich-chelsea-08

การเดินทางเกือบ 2 ทศวรรษของ โรมัน อบราโมวิช กับสโมสรฟุตบอลเชลซีจบลงอย่างกะทันหัน ท่ามกลางความสั่นคลอนและความเศร้าเสียใจของเหล่าสาวก สิงโตน้ำเงินคราม จริงอยู่ที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นไปอย่างสวยงามตามที่เขากล่าวไว้หรือไม่ แต่ถ้าพูดกันด้วยความสัตย์จริง การที่ อบราโมวิช บอกว่าจะช่วยเหลือเหยื่อที่ยูเครน ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองเป็นคนรัสเซีย และคำแถลงการณ์ของเขาในรูปแบบนี้อาจจะโดนรัฐบาลรัสเซียเล่นงาน มันก็ถือว่าเป็นความใจกล้าบ้าบิ่นมากพอสมควรแล้ว

และตอนนี้ทุกคนก็ยังไม่รู้ว่า เจ้าของคนใหม่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซีต่อจะเป็นอย่างไร จะเปย์ไม่อั้นแบบเสี่ยหมีหรือไม่ จะยอมควักเนื้อตัวเองเป็นประจำหรือไม่ จะรักและทุ่มเทขนาดนี้เพื่อสโมสรหรือไม่ สุดท้ายแล้วแฟนเชลซีก็คงได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คนใหม่ที่เข้ามา มีความรัก ความมุ่งมั่น และความเอาใจใส่ทีมจริง ๆ เหมือนอย่างที่ โรมัน อบราโมวิช ทำมาตลอด 19 ปี แม้เจ้าของคนใหม่จะไม่จ่ายหนักทุ่มไม่อั้นเหมือนเดิม แต่ก็ขอเพียงแค่ว่าอย่าเข้ามาเป็นปลิงดูดเลือดสโมสรก็เป็นพอ

มาถึงตรงนี้ เรื่องราวทุกอย่างก็ดำเนินไปไกลเกินกว่าฝ่ายไหนจะถอยหลังกลับแล้ว ฟุตบอลกับสงครามดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ แต่ก็นี่หละ ความโหดร้ายของสงคราม ที่ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากความสูญเสีย…

เรียบเรียงข้อมูล : zumroad.com

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว