จากบล็อกโพสต์ใหม่ที่มีการแสดงถึงรายละเอียดยอดขายของเกมหลายๆเกม ทาง Yacht Club Games ยืนยันว่า Shovel Knight: Treasure Trove เกมผจญภัยมุมมองจากด้านข้างมียอดขายเกือบ 3 ล้านชุดแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจก็คืองบประมาณที่ถูกใช้ไปในแต่ละภาค โดยในภาคแรก Shovel of Hope เริ่มต้นใช้เงินไป 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐกับการพัฒนา 18 เดือนด้วยสมาชิกในทีมหกคน ส่วนภาค Plague of Shadows ต้องใช้เวลาไป 12 เดือนด้วยเงิน 1 ล้านดอลลาร์กับสมาชิกในทีมพัฒนา 9 คน
ถัดมาในภาค Spectre of Torment ใช้เวลา 15 เดือนโดยสมาชิกในทีม 16 คนกับงบประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์ ภาคเสริมตัวล่าสุด King of Cards มีค่าใช้จ่าย 2.5 ล้านเหรียญ และต้องใช้เวลา 18 เดือนกับสมาชิกในทีม 16 คน สุดท้ายเป็น Shovel Knight Showdown ที่ต้องใช้เงินไป 1.5 ล้านเหรียญ เวลาในการพัฒนา 12 เดือนและสมาชิก 16 คน
โดยรวมแล้ว Shovel Knight: Treasure Trove มีระยะเวลาการพัฒนาทั้งหมด 110 เดือนและงบประมาณ 9 ล้านเหรียญ สำหรับตัวเลขที่น่าสนใจอื่นๆ คือ Shovel Knight: Pocket Dungeon ขายไปได้ 35,000 ชุด และ Cyber Shadow ขายไปได้ 85,000 ชุด แต่ยังมียอดดาวน์โหลดโดยรวมมากกว่า 300,000 ครั้งบน Xbox Game Pass โดยเกมในภาคหลังสุดนี้ได้มีการพัฒนาร่วมกับ Aarne “MekaSkull” Hunziker ที่ใช้เงินไปอีก 600,000 ดอลลาร์ แต่จะไม่ได้นับรวมเป็นเป็นค่าใช้จ่ายเพราะไม่ได้ควักกระเป่าจ่ายเอง
เมื่อนับจากเกมในภาคต่างๆแล้ว Yacht Club Games สร้างรายได้ไปมากกว่า 40 ล้านเหรียญจากเกมทั้งหมดของบริษัท ซึ่งขณะนี้ก็กำลังพัฒนา Mina the Hollower และ Shovel Knight Dig ที่จะเปิดตัวในปีนี้ และ Shovel Knight: Pocket Dungeon จะมี DLC ใหม่ในเร็วๆนี้ด้วยครับ
ที่มา: Gamingbolt
