“Arsene Who?” ใครวะ ? อาร์แซน

“Arsene Who?” | ใครวะ ? อาร์แซน

กันยายน 1996

ช่วงเวลาที่แฟนบอล และนักข่าวเมืองผู้ดียามนั้น พากันสงสัยใคร่รู้ พรึมพรำในใจ และ นอกใจว่า เอาใครมาคุมวะ นี่มันทีมระดับ “อาร์เซน่อล”  นะครับ ไหน เจ้าเป็นใครมาจากไหน ดูซิคุมทีมอะไรมา 

“นาโกย่า แกรมปัส เอต” ?????????????????????

ทีมอะไรว้า ชนชาวอังกฤษไม่น่าจะเคยได้ยินชื่อทีมนี้มาก่อน ซึ่งจริงๆแล้ว แฟนบอลอังกฤษนั้น ปกติก็ไม่ค่อยสนใจอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนอกเกาะของพวกเค้าเท่าไหร่นัก ที่นี้ เรามาดูกันซิว่า จริงๆแล้ว  “อาร์แซน” คือ ใครกัน 

อาร์แซน เวนเกอร์

เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 1949 ที่เมืองสตราส์บูร์ก โดยที่มีพ่อและแม่เป็นเจ้าของกิจการผับ เป็นลูกชายคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด สามคน ขออนุญาต ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด ไปด่วนๆ แบบ กรอเร็วเลยนะครับ  แต่ก็จะใส่ชื่อทีมที่เค้าเคยลงเล่น ในฐานะผู้เล่นมาให้ทราบนิดนึงแล้วกันนะครับ

1963-1969 : เอฟซี ดุตซ์เล่นไฮม์ (เยาวชน)

1969-1973 : มัตซีก (เยาวชน)

1973-1975 : มูลฮูส์

1975-1978 : เอเอสพีวี สตราส์บูร์ก

1979-1981 : สตราส์บูร์ก

เวลาผ่านไป 30 ปี ไวเหมือนโกหก ในปี 1979 อาร์แซน เวนเกอร์ ก็มีอาชีพเป็นนักบอลอาชีพคนนึงนี่แหละครับ กับ ทีม สตราส์บูร์ก ในเวทลีกเอิง ซึ่งเป็นชื่อเรียกลีกสูงสุดของประเทศฝรั่งเศส

ถึงตอนนี้เขาเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า เขาเป็นเพียงนักเตะที่ฝีเท้าไม่ได้ดีพอที่จะก้าวไปเป็นซุปเปอร์สตาร์แน่นอนแล้ว เค้าจึงเริ่มศึกษาเรื่องการเป็นโค้ช และ ทางสโมสรเองก็มองเห็นถึงทักษะทางด้านนี้ของ เวนเกอร์ เขาจึงได้เปลี่ยนเส้นทางจากนักเตะในทีมชุดใหญ่ ไปเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมเยาวชน 

ตรงนี้นี่เอง เค้าก็เริ่มทดสอบไลเซนส์การเป็นโค้ชทีมเยาวชน และสอบผ่านไปได้อย่างง่ายดาย และเขาก็ทำงานด้านนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เวนเกอร์ เลยตัดสินใจ ยกระดับพัฒนาตัวเองอีกขั้น โดยการอบรมโค้ชระดับชาติ และเค้าก็สามารถสอบผ่านได้อย่างรวดเร็ว

มีไลเซนส์ที่สามารถใช้คุมทีมในระดับลีกเอิง ด้วยอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น แต่ เวนเกอร์ ก็ยังสั่งสมประสบการณ์การทำงานเป็นโค้ชเยาวชนของทีมสตราบูร์กต่อไปอีกสามปี

ปี 1983 

ทีมสโมสรก็อง ยื่นข้อเสนอ ให้เขามาเป็น ผู้ช่วยผู้จัดการทีม อาร์แซน เวนเกอร์ ตอบตกลงรับงานนี้ทันที

ปี 1984 

จากผู้ช่วยโค้ชจากทีมก็อง เพียงปีเดียวเท่านั้น สโมสรน็องซี่ ก็ทาบทามและยื่นโอกาสในการเป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่ อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป น็องซี่ เป็นทีมขนาดเล็กของลีกเอิง ความคาดหวังในแต่ละปี มีเพียงการทำทีมให้อยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไปเรื่อยๆ ไม่ให้ทีมต้องตกชั้น 

อาร์แซน เวนเกอร์ ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมายของสโมสรอยู่สองฤดูกาล แต่ในซีซั่นที่สาม 1986-87 ด้วยทีมที่มีขนาดเล็ก และจำเป็นจะต้องขายนักเตะที่เป็นตัวหลักของทีมออกไปหลายคน ทำให้ในปีนี้เองเวนเกอร์ไม่อาจช่วย น็องซี่ ให้รอดตกชั้นได้อีกแล้ว ทีมจบลงในอันดับที่ 19 และตกชั้นไปในที่สุด

แต่ถึงแม้จะทำทีมตกชั้น แต่ฝีมือของ อาร์แซน นั้นกลับเป็นที่จับตาอย่างสูงในวงการลูกหนังฝรั่งเศส แล้วก็เป็นทีมโมนาโก หนึ่งในทีมใหญ่ของลีกเมืองน้ำหอม ติดต่อทาบทาม อาร์แซน เวนเกอร์ ให้มาคุมทีม

ปี 1987

อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีม โมนาโก โดยมีนักเตะดาวดังอย่าง เกล็น ฮอดเดิ้ล กองกลางฝีเท้าคลาสสิคชาวอังกฤษเป็นจอมทัพ ร่วมกับ โคล้ด ปูแอล และ ปาทริค บัตติสตอง สองนักเตะที่พอจะมีชื่อกับทีมชาติฝรั่งเศส รวมกับนักเตะอื่นๆที่มีอยู่ในทีม

เขากับนำทีมโมนาโกชุดนี้ผงาดขึ้นเป็นแชมป์ลีกเอิงได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมเค้ากลายเป็น ผู้จัดการทีมที่มีอายุเพียง 37 ปี ในวันที่พาโมนาโกคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ชื่อเสียงของเค้าพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของลีกฝรั่งเศสอย่างรวดเร็ว ถึงจุดนี้เค้าเริ่มมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

และหลังจากนั้นภายใต้การคุมทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ สโมสรโมนาโก ก็กลายเป็นทีมระดับต้นๆ ของลีกมาทุกฤดูกาล ซึ่งนอกจากฝีมือในการคุมทีม รูปแบบการเล่นที่สวยงาม สายตาในการซื้อนักเตะเข้ามาร่วมทีมยังเฉียบขาดอีกด้วย

ปี 1988

ฤดูกาลต่อมาเค้าเริ่มทำทีมตามแบบฉบับของเค้า จากนักเตะหลักที่มี เสริมด้วย นักเตะดาวรุ่ง เอ็มมานูเอล เปอตีต์ เข้ามาร่วมทีมด้วยวัยเพียง 18 ปี ซึ่งภายหลังเค้าพาเปอตีต์ไปตะลุยลอนดอนด้วยกัน

มฤตยูดำจากไลบีเรีย จอร์จ เวอาห์ ที่เวนเกอร์ไปนำเพชรเม็ดงามรายนี้มาร่วม ด้วยราคาเพียง 12,000 ปอนด์เพียงเท่านั้น ซึ่งภายหลัง เวอาห์ ก้าวเป็นยอดดาวยิง ผู้ได้รับรางวัลบัลลง ดอร์ เลยทีเดียว

ปี 1990

เซ็นสัญญาคว้า ลิลิยอง ตูราม ที่กลายเป็นยอดกองหลังจอมแกร่งในเวลาต่อมา ไอ้งูพิษ ยูริ จอร์เกฟฟ์ ตัวรุกพรสวรรค์สูงอีกคนที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ค้นพบ ช่วงเวลานั้นทีมโมนาโกเป็นทีมที่เล่นบอลสวยงามและทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

ปี 1992

ด้วยผลงานระดับนี้ของโมนาโก ทำให้ชื่อของ อาร์แซน เวนเกอร์ เข้าตายอดทีมของยุโรปอย่าง บาเยิร์น มิวนิค บาเยิร์นสนใจที่จะนำตัวผู้จัดการทีมหนุ่มคนนี้ ไปคุมทีม นี่คือ โอกาสก้าวครั้งสำคัญของ อาร์แซน เวนเกอร์ 

แต่ประธานสโมสรโมนาโกที่เห็นว่าทิศทางของสโมสรกำลังไปได้สวย ทีมจะขาดเว เกอร์ไปไม่ได้จึงขอร้องให้ เวนเกอร์ อยู่คุมทีมต่อไป

ทางด้าน เวนเกอร์ เอง แม้จะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง แต่ก็ผูกพันกับสโมสรมาก ด้วยเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดและคำสัญญา เค้าจึงตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอของ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ไปในครั้งนั้น

ในเวลาต่อมา โมนาโก ต้องเสียดาวเตะคนสำคัญของทีม อย่าง จอร์จ เวอาห์ ไปให้กับทีมคู่แข่งในลีกเอิงอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อันดับของโมนาโกหล่นมาถึงอันดับ  9 ในปีนั้น และความตกต่ำเริ่มคลืบคลานเข้ามาสู่ทีม

ปี 1994-95

ผลงานของโมนาโกยังย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง อาร์แซน เวนเกอร์ กำลังจะปรับโฉมทีมไปสู่ยุคใหม่ และเตรียมดันนักเตะดาวรุ่งหลายคนเข้าสู่ทีม ฟาเบียง บาร์กเตซ ผู้รักษาประตูจอมหนึบ ซอนนี่ แอนเดอร์สัน ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูชาวบราซิล  ดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าอนาคตไกล เธียร์รี่ อองรี ปีกจรวดดาวรุ่ง

แต่ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในทีม โมนาโก ได้ทำการปลด เวนเกอร์ พ้นจากทีมเสียก่อน เวนเกอร์ ว่างงานลงในทันที

ช่วงเวลานี้เอง ฟีฟ่าเชิญเวนเกอร์ให้ไปเป็นวิทยากรอบรมโค้ชที่สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ที่นี่ เวนเกอร์ ได้พบตัวแทนจากหลายสโมสร รวมไปถึง นาโกย่า แกรมปัส เอต จาก เจลีก พวกเขายื่นข้อเสนอทาบทามให้ เวนเกอร์ ไปคุมทีมที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง นาโกย่า ในตอนนั้นเป็นทีมอันดับสุดท้ายในตารางด้วยซ้ำ 

เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานั้น ทีมในเจลีก ยังมีน้อย ทีมเลยยังไม่ตกชั้น จากคนที่เคยเป็นผู้จัดการทีมแชมป์ลีกเอิง จากคนที่เคยเกือบได้ย้ายไปคุมทีมใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค

ข้อเสนอเดียวที่มีในตอนนี้ กลับกลายเป็นทีมที่ตัวเองไม่เคยรู้จัก ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก สำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์ 

กุมภาพันธ์ 1995 

อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจรับงานคุมทีมที่ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าจะทำได้ดีซักเพียงไหนกับนาโกย่า แกรมปัส เอต และนี่คือการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของ อาร์แซน เวนเกอร์ จุดสำคัญเลยทีเดียว จากที่เคยเป็นคนที่ตรงต่อเวลาอย่างที่สุดแล้ว แต่พอมาเจอความตรงต่อเวลาแบบญี่ปุ่น ทำให้อาร์แซน เวนเกอร์ ยิ่งต้องเปลี่ยนตัวเองให้มีระเบียบมากยิ่งขึ้นไปอีก ในเรื่องของการให้ความเคารพต่อผู้อื่น ก็มาเปลี่ยนแปลงที่นี่ 

เมื่อวันนึง เค้าทักทายพนักงานคนหนึ่งในสโมสรผิดเป็นชื่อคนอื่น ซึ่งสำหรับที่ญี่ปุ่นแล้ว ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก แต่ตั้งแต่นั้นมา เค้าไม่เคยเรียกชื่อใครผิดอีกเลย จากคนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่ ให้ความเคารพต่อทุกคนในสโมสรมากขึ้น

และอีกเรื่องนึงที่เค้าได้เรียนรู้ คือ ธรรมเนียมวิถีและวัฒนธรรม ก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลของที่นี่ นักเตะจะต้องมีการลงแช่น้ำร้อนก่อนลงเตะ 30 นาที เพื่อทำให้ใจสงบ 

แม้จะเป็นสิ่งที่ อาร์แซน เวนเกอร์ จะแปลกใจในตอนแรก แต่เค้าก็คิดว่า มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่เค้าจะไม่ก้าวก่าย และไม่เข้าไปเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติของใคร หากสิ่งนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

อีกเรื่องสำคัญ คือ การเว้นระยะห่างของการทำงาน ผู้จัดการทีมจะไม่ทำตัวสนิทสนมกับนักเตะมากเกินไป แต่จะสอดแทรกเรื่องการให้เกียรติกันและกันมากกว่า และหลังจบเกมแล้วไปก็ฉลองกัน นั่งดื่ม ปาร์ตี้แบบที่ยุโรป นี่คือสิ่งที่ เวนเกอร์ได้เรียนรู้จาก นาโกย่า แกรมปัส เอต 

ในทางกลับกัน สิ่งที่นักเตะที่นี่ได้เรียนรู้กลับมาบ้างก็เป็นในเรื่องการฝึกซ้อม ก่อนการเดินทางมาถึงของเวนเกอร์ นักเตะของทีมจะฝึกซ้อมกัน วันละ 3-4 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท ที่มีให้ต่อทีมตามสไตล์นักสู้

เวนเกอร์ ปรับแนวทางการฝึกซ้อมใหม่ จาก 3-4 ชั่วโมง ลดเหลือ 90 นาทีพอ เพื่อให้มีสมาธิกับเกม แต่จะเป็น 90 นาทีที่ไม่เคยสูญเปล่า ทุกนาที ล้วนแต่เป็นการฝึกที่เข้มข้น วางแผน และเล่นตามแทกติคอย่างละเอียด

เวนเกอร์เล่าว่า บางครั้งเค้าถึงกับต้องเอาลูกบอลไปซ่อนเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้นักเตะต้องเสียพลังงานมากไปโดยไม่จำเป็น นั่นคือ จุดเปลี่ยนของทั้งสโมสรและตัวของอาร์แซน เวนเกอร์

จบฤดูกาลนั้น จากทีมที่จมบ๊วยในปีก่อน กลับทำผลงานขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกได้อย่างสนุกสูสี แถมยังได้แชมป์บอล เอ็มเพอเรอร์ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ปี 1996

หลายทีมในยุโรป เริ่มกลับมาให้ความสนใจในตัวของผู้จัดการทีมมาดละเมียดคนนี้อีกครั้ง และก็เป็น อาร์เซน่อล ที่ยื่นข้อเสนอเข้าไปทาบทาม เพื่อให้เค้าเข้ามาชุบชีวิตทีมปืนใหญ่ที่ยิงไม่สลุตเหมือนเช่นเคย

แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นคนที่ให้เกียรติกับสโมสรและผู้บริหาร รวมไปถึงแฟนบอลเป็นอย่างมาก เค้าไม่สามารถออกจากทีม นาโกย่า แกรมปัส เอต ได้ทันทีที่ได้รับข้อเสนอจากทีมปืนใหญ่ 

แต่กลับเลือกที่จะคุมทีมจนจบฤดูกาล เพื่อเป็นการรักษาสัญญาลูกผู้ชาย ก่อนที่จะเดินทางมาคุมทีมอาร์เซน่อล เค้าเริ่มต้นทำงานตั้งแต่เท้ายังไม่เหยียบถึงแผ่นดินลอนดอนเลยด้วยซ้ำ

เค้าบอกให้สโมสรเซ็นสัญญานักเตะฝรั่งเศสเข้าทีม 2 คน คือ เรมี่ การ์ด และ ปาทริค วิเอร่า  รวมกับนักเตะที่เป็นแกนหลักของทีมที่มีอยู่แล้วอย่างเดวิด ซีแมน ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ แบ็กโฟร์อันแข็งแกร่ง ที่นำด้วย โทนี่ อดัมส์, มาร์ติน คีโอว์น, ลี ดิกซั่น, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น รวมไปถึง สตีฟ โบลด์

แดนกลางมีเด็กถิ่นอย่าง เรย์ พาร์เลอร์ และมีนักเตะทีมชาติอังกฤษ คือ เดวิด แพล็ต , พอล เมอร์สันมี เดนนิส เบิร์กแคมป์ เป็นศูนย์กลางบัญชาเกมรุก ดาวยิงจอมทะเล้นอย่าง เอียน ไรต์ ก่อนจะเสริมด้วยดาวรุ่งที่เค้าดึงมาอีกคนอย่าง นิโกลาส์ อเนลก้า (ในฤดูกาลแรก)

การเปลี่ยนแปลงสำคัญ เกิดขึ้นกับอาร์เซน่อล ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ นี่แหละครับจากสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่น อาร์แซนนำเรื่องกายภาพ การนวด และนำผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกเข้ามาดูแลนักเตะ ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อนักเตะของทีม โดยเฉพาะแผงหลังที่เต็มไปด้วยผู้เล่นในวัยหลักสาม

หลังจากนั้น เค้าค่อยๆเปลี่ยนแปลง ปรับพฤติกรรม ทำแต่ในสิ่งที่เห็นว่าดีกับนักเตะ  สั่งโละช็อคโกแลตออกจากรถบัสประจำทีม ห้ามนักเตะสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด แต่ในส่วนของการดื่มนั้น เค้าจะค่อยๆ บอกถึงข้อเสียว่า ถ้าหากดื่มแล้วจะส่งผลที่ไม่ดีต่อชีวิตการค้าแข้งอย่างไร

เค้ายังเคารพในเรื่องของวิถีและวัฒนธรรมของผู้อื่น และค่อยๆ เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ จนหมดไปได้ในท้ายสุดในการฝึกซ้อม ภาพที่จะเห็นอย่างชินตาคือ อาร์แซน เวนเกอร์ ถือนาฬิกาจับเวลาในการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด

ในส่วนของเกมรุก รูปแบบการเล่นก็ไม่ได้โยนบอลยาวเหมือน อาร์เซน่อลในยุคเก่า เน้นการเข้าทำในลักษณะการต่อบอลเท้าสู่เท้าอย่างแม่นยำ จากเกมรับที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

ปิดเกมแดนกลางให้แน่น เปลี่ยนจังหวะเกมรุกได้อย่างไหลลื่น ปีกสองข้างไม่ใช่สไตล์โยนบอลโด่งเข้ากลาง แต่เป็นการเปิดช่องว่างให้แบ็คทั้งขวาและซ้ายร่วมเติมเกมรุกอีกด้วย เป็นรูปแบบฟุตบอลในภาคพื้นยุโรป เช่นเดียวกับ อาแจ็กซ์ และ บาร์เซโลน่า

และเมื่อถึงเวลาที่นัดแรกอย่างเป็นทางการของเค้ามาถึง ในวันที่ต้องออกไปเยือนคู่แข่ง ที่แข็งแกร่งมากในเวลานั้นทีมนึงเลย คือ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่นี่ไม่มีอ่างน้ำให้ลงแช่ ทำสมาธิ 30 นาที ก่อนการแข่งขัน

เค้าสั่งให้ลูกทีมวอร์มอัพ ยึดกล้ามเนื้อกันครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ยังอยู่ในโรงแรม นักเตะในทีม “งงกันเป็นไก่ตาแตก” แต่ด้วยความเป็นนักเตะอาร์เซน่อล จึงต้องเปลี่ยนเป็น “งงกันเป็นปืนตาแตก” แต่นั่นล่ะครับ คือ จุดเริ่มต้นการสร้างตำนานปืนใหญ่

 

จบเกม อาร์เซน่อล บุกชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สองประตูต่อศูนย์ ประเดิมสนามได้อย่างสวยงาม จากฉายาที่แฟนบอลตั้งให้ว่า Boring Arsenal หรือ อาร์เซน่อลอันน่าเบื่อ  

อาร์แซน เวนเกอร์ เปลี่ยนให้มันกลายเป็นศิลปะบนสนามฟุตบอล และเรื่องราวหลังจากนั้น เค้าก็สร้างความสำเร็จกับทีมไว้อย่างมากมาย การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ครั้ง แชมป์เอฟเอ คัพ 7 ครั้ง เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอล ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์แบบไร้พ่าย

เป็นผู้จัดการทีมให้กับสโมสรเป็นสถิติยาวนาน ถึง 22 ปี เปลี่ยนนักเตะธรรมดา ไปเป็น ตำนานยอดนักเตะอีกมากมาย

 

เรื่องราวของเขา หาอ่านได้ง่าย หากใครต้องการรู้จักเค้าในวันนี้

จากคำถามที่ว่า Arsene Who? ใครวะ อาร์แซน เมื่อกว่าสองทศวรรษก่อน

ต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า ใครล่ะ จะไม่รู้จักเค้าคนนั้น 

ตำนานผู้จัดการที่ดีที่สุดของนึงของโลก และ พรีเมียร์ลีก

 

อาร์แซน เวนเกอร์ 

 

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว