Barwuah บาร์วูอาห์ "Mario Balotelli"

Mario Balotelli Barwuah - มาริโอ บาโลเตลลี่ บาร์วูอาห์  คือ ชื่อเต็มๆของ มาริโอ บาโลเตลลี่ 

เส้นทางนักเตะ

- เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมลูเมซซาเน่ เซเรีย ซี ตอนอายุ 15 ปี

- ย้ายไปร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน

- เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของ อินเตอร์ มิลาน ที่ยิงประตูได้ ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก

- คว้าแชมป์เซเรีย อา สามสมัย 

- ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ซิตี  ด้วยค่าตัว 21.8 ล้านปอนด์ 
- คว้ารางวัล โกลเด้นบอย ปี 2010

- คว้าแชมป์เอฟเอคัพ 

- คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 

- ย้ายไปร่วมทีม เอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ ลงเล่น 54 นัด 30 ประตู

- ย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ลงเล่น 28 นัด 4 ประตู 

- ถูกปล่อยยืมกลับไปให้เอซี มิลาน

- ย้ายไปร่วมทีมนีซ แบบไม่มีค่าตัว เริ่มกลับมายิงได้อีกครั้ง สามฤดูกาลทำไป 43 ประตู

- ย้ายไปร่วมทีม โอลิมปิก มาร์กเซย ลงเล่น 15 นัด 8 ประตู

- ย้ายไปอยู่กับทีมเบรสชา เซเรีย อา ลงเล่น 19 นัด 5 ประตู

- ย้ายไปอยู่กับทีมเอซี มอนซ่า เซเรีย บี ลงเล่น 14 นัด 6 ประตู

- และปัจจุบันย้ายไปร่วมทีมอดานา เดเมียร์สปอร์ ลีกตุรกี แบบไม่มีค่าตัว และเริ่มทำประตูได้แล้ว

แบบย่อครับ สำหรับการค้าแข้งของ บาโลเตลลี่ แต่ทว่าสิ่งที่ผู้คนจดจำ มักจะเป็นเรื่องเหล่านี้

- "เขามุ่งมั่นในการซ้อมแค่ 25 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามันจะเป็นสัก 50 เปอร์เซ็นต์ ป่านนี้เขาเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้ว" มูรินโญ่ กล่าวถึงบาโลเตลลี่

- ติดทีมชาติอิตาลีชุดยู-21 เป็นครั้งแรก เขาตกเครื่องบิน ด้วยอ้างว่า นอนตื่นสาย

- บาโลเตลลี่ พุ่งล้มเรียกจุดโทษ พอยิงได้ ก็หันไปมองหน้าแฟนโรม่าและแลบลิ้นเยาะเย้ย คริสเตียน ปานุชชี่ 

- บาโลเตลลี่ บอกหลังเกมว่าเขาเป็น “อิตาเลี่ยนมากกว่าพวกแฟนยูเว่” ในนัดที่อินเตอร์ มิลาน พบกับ ยูเวนตุส

- ในเกมเสมอกับ คิเอโว่ 2-2 บาโลเตลลี่ ทำท่าดีใจจุ๊ปากใส่ หลังจากยิงประตูได้

- ถูกเชิญไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง แล้วใส่เสื้อ เอซี มิลาน สร้างความโกรธแค้นให้กับแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน เป็นอย่างมาก 

- นัดแข่งกับ บาร์เซโลน่า เค้าโดนโห่ไล่จากแฟนอินเตอร์ มิลาน อย่างหนัก จบเกมการแข่งขัน บาโลเตลลี่ ถอดเสื้อทีมขว้างลงบนพื้น ชกต่อยกับ มาเตราซซี่  

- จุดพลุ จนไฟไหม้ บ้านตัวเอง

- ในเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ ยิงประตูให้เรือใบสีฟ้าขึ้นนำ เขาถลกเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อความในเสื้อตัวในว่า 

'Why Always Me?' ที่แปลได้ประมาณว่า “ทำไมต้องเป็นผมทุกที ?”

และอื่นๆอีกมากมาย หากจะพูดถึง สีสันด้านมืดของนักเตะคนนี้ 
แต่วันนี้ขอมาเจาะลึก เรื่องราวอีกด้าน ว่าเค้าเติบโตมาอย่างไร  บาโลเตลลี่ เกิดที่ เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี หลังจากทที่ครอบครัวย้ายมาจากประเทศกาน่า มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน  หลังจากคลอด เจ้าหนูมาริโอ เป็นโรคลำไส้ ต้องผ่าตัด แต่ด้วยความจนพวกเขาไม่มีทางเลือก นักสังคมสงเคราะห์จึงได้ติดต่อให้ได้พบ ผู้อุปการะ 

 

ในวัย 3 ขวบ 

พ่อของ มาริโอ บอกว่า การอุปการะลูกชายของเขา ตามที่ตกลงกันไว้ในเบื้องต้นจะกินเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น  แต่สุดท้ายมันถูกยืดออกไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่า การนำตัวลูกกลับมาจะไม่ใช่เรื่องง่าย

“เราไม่สามารถจ้างทนายมาสู้ความได้ ขณะที่มาริโอนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  เขามาเยี่ยมเราและเล่นกับพี่น้องของเขา แต่เขาไม่ได้มีเวลาให้เราเหมือนเดิม”

“เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีที่เราอยากให้เขากลับมาอยู่กับเรา แต่ทุกครั้งที่เราพยายาม  ศาลกลับไม่อนุญาต เวลาหลายปีผ่านไปเขากลับกลายเป็นคนเย็นชาใส่พวกเรา  ครอบครัวบาโลเตลลี่ รู้จักคนเยอะและมีอิทธิพลขณะที่เราทำอะไรไม่ได้เลย”

หลังจากนั้นมาริโอ ก็ได้เปลี่ยนนามสกุลของเขาเป็น บาโลเตลลี่ 

"ผมผิดหวังกับมาริโอมากๆ เขาเชื่อว่าพวกเราทิ้งเขา และยังหาว่าพวกเราต้องการเงินจากเขา 

 โธมัส เชื่อว่า เป็นเพราะครอบครัว "บาโลเตลลี่" ที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น ทำให้ มีความคิดในแง่ลบ กับครอบครัวบาร์วูอาห์ 

... 

ทางด้านของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กล่าวว่า 

พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด “เป็นแค่คนแปลกหน้า” ที่พยายามเข้ามาสร้างสัมพันธ์ด้วย 

เพราะเห็นตนเป็นนักฟุตบอลชื่อดังที่มีชื่อเสียง มีเงินมีทอง หลังจากทอดทิ้งไปก่อนหน้านี้

“โธมัส และ โรส บาร์วูอาห์ แก้ตัวว่าพวกเขายากจนมาก เลยจำเป็นต้องทิ้งลูกน้อยไปให้คนอื่นเลี้ยง” 

“แต่นั่นไม่ใช่ความจริง ไม่มีใครไปบังคับให้พวกเขาทิ้งผมไว้ที่โรงพยาบาล

และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ผมได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ”

“โชคดีที่ครอบครัว บาโลเตลลี่ เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีมาตลอด พวกเขาต้องลำบาก

พาผมไปขึ้นศาลเพื่อขอคำสั่งอนุญาตให้เลี้ยงดูทุกๆ 2 ปี แล้วไอ้พวกบาร์วูอาห์ ล่ะ

 

ตลอด 16 ปี หายไปไหน ไม่เคยคิดจะเอาผมกลับไปเลี้ยง 

วันเกิดก็ไม่เคยโทรมาหา แต่ตอนนี้ทำเป็นเอารูปถ่ายของผมโชว์ให้นักข่าวดู

แล้วทำหน้าเสียใจ รอให้นักข่าวถ่ายรูปลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์” 

ซุปเปอร์ มาริโอ ยังคงเชื่อแบบนั้น

“ผมนามสกุลบาโลเตลลี่ ส่วนสองสามีภรรยาคู่นั้น

ในสายตาของผมก็เป็นแค่คนแปลกหน้า!” 

 

นี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ของครอบครัวและสายเลือด ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ 

 

"ผมเป็นคนสัญชาติอิตาลี แต่ผมมาจากกาน่า ผมถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ของผมตั้งแต่ยังเด็ก

ก่อนที่จะมีเทวดาและนางฟ้ามารับผมไปเลี้ยง ผมต้องเจ็บปวดกับการโดนเหยียดเชื้อชาติทุกๆวัน

ผมคือนักเตะผิวสีที่ได้สวมเสื้อทีมชาติอิตาลี 

ผมรักอิตาลี และผมจะเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีเท่านั้น"

 

- ในวัยเด็ก เมื่อไปถึงโรงเรียน ขณะที่ลากเก้าอี้ออกมา กำลังจะนั่งลง

เพื่อนก็แกล้ง ดึงเก้าอี้ออก บาโลเตลลี่ หงายท้องล้มลง เด็กทั้งห้องหัวเราะ สนุกสนาน 

 

- เมื่อไหร่ที่เขาถูกแกล้งล้มลงกับพื้น เพื่อนๆก็ตะโกนฟ้องครูว่า บาโลเตลลี่ ขี้แตกครับ

เด็กทั้งห้องหัวเราะ สนุกสนาน และการกลั่นแกล้ง มันก็เกิดขึ้นในทุกๆวัน

 

- ครั้งนึง ครูถึงกับตกใจเมื่อเห็นเจ้าหนูมาริโอเอามือจุ่มไปในน้ำร้อน เพื่อต้องการให้ผิวของตัวเองเป็นสีขาวเหมือนกับคนอื่น

 

เกือบทุกวันเขากลับบ้านมาแอบร้องไห้อยู่เสมอ มีเพียงแม่บุญธรรมของเขาที่คอยปลอบใจ

 

"แม่" ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ มาริโอ บาโลเตลลี่

 

“วันนี้เขาร้องไห้อีกครั้ง แต่เป็นหยาดน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข”

ซิลเวีย คุณแม่บุญธรรมของมาริโอ บาโลเตลลี่ เล่าถึงช่วงเวลาที่มาริโอทำคนเดียว 2 ประตู

นัดที่ อิตาลี เอาชนะ เยอรมันในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลยูโร ปี 2012


ด้าน มาริโอ บาโลเตลลี่ กล่าวว่า "ผมเฝ้ารอช่วงเวลาแบบนี้มานานเหลือเกิน 

ผมต้องการทำให้แม่ของผมมีรอยยิ้ม และมีความสุขกับผลงานในทีมชาติของผม 
ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นี่เป็นค่ำคืนที่สวยงามมากค่ำคืนนึงในชีวิตของผมเลย" 

 

“ฉันจำได้ถึงช่วงที่เขาติดทีมชาติใหม่ๆ มีแต่เสียงคัดค้านและหยามหยันเขา “อิตาเลี่ยนแท้ไม่มีคนผิวสี” มันเป็นการเหยียดที่รุนแรงมาก การได้เห็นเขากลายมาเป็นความหวัง

และพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ ทำให้ฉันภาคภูมิใจในตัวเขามาก”

ซิลเวีย บาโลเตลลี่ ผู้ซึ่งคอยสนับสนุนและให้กำลังใจลูกชายคนนี้อยู่ตลอด

คุณแม่บุญธรรมผู้มอบสายเลือดอิตาเลี่ยนให้เค้า 

...

 

นี่คือ เสี้ยวหนึ่งของชีวิต ของนักเตะที่เราคงเขียนเรื่องราวของเขาได้ไม่รู้จบ

ชายผู้ซึ่ง ถูกความคิดทำร้าย ว่าเขาโดนทิ้ง จากพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง

ชายผู้ซึ่ง ถูกความจริงทำร้าย จากการเหยียดสีผิวมาตลอดชีวิต

ชายผู้เลือก นามสกุล ของตัวเอง จากความอบอุ่นที่เขาได้รับ

 

ไม่ว่าความจริงในเรื่องของ สายเลือดแท้จริง หรือเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่บุญธรรมนั้น จะเป็นอย่างไร

แต่เขาได้เลือก ปักชื่อลงบนเสื้อที่เขาลงเตะแล้ว ทั้งในสนาม และชีวิตชีวิต

 

Barwuah บาร์วูอาห์ เป็นเพียงอดีต

ปัจจุบัน เขาภูมิใจในชื่อนามสกุลที่ ฟูมฟักเลี้ยงดูเค้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ที่เดียวที่ไม่เคยทำร้ายเค้า ที่เดียวที่เค้าศรัทธาในความเป็น ครอบครัว

 

จากชื่อที่เหมือนกับ เกมดังในยุคสมัยที่เค้าเกิด จนได้รับฉายา “ซุปเปอร์มาริโอ”

รวมกับ นามสกุล ที่เขารักมากยิ่งกว่าสายเลือดแท้ๆของตัวเอง

มาริโอ บาโลเตลลี่

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว