Welcome Home "CRISTIANO RONALDO"

ประโยคสั้นๆ ที่แสนอบอุ่น ประโยคที่เราจะพูดกับใครสักคน โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นจากบ้านไปนาน และกำลังจะหวนคืนสู่บ้านที่อบอุ่นหลังเดิม หลังจากที่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้โพสต์ข่าวดีข่าวใหญ่นี้ ลงไปในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้เหล่าสาวกปีศาจแดงทั่วโลกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกันที่ คอลัมน์นี้ได้โพสต์ลงไปก็คงจะยังมีแฟนปีศาจแดงบางส่วนที่ยังคงไม่หยุดฉลอง และ ยังคงพูดถึงเรื่องราวการเดินทางกลับมาสู่ "โรงละครแห่งความฝัน" ของอดีตฮีโร่สายเลือดปีศาจแดงคนนี้ ข่าวร้อนช่วงก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง (25-26 สิงหาคม 2021) มีกระแสรุนแรงเหลือเกินว่า

โรนัลโด้ กำลังจะย้ายจากทีมปัจจุบันของเขา อย่างยูเวนตุสในอิตาลี ไปอยู่กับสโมสรคู่ปรับร่วมเมืองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคือทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้  ซึ่งข่าวนี้สร้างความปั่นป่วนให้โลกลูกหนังเป็นอย่างมาก

แฟนพันธุ์แท้ของปีศาจแดงหลายคน ออกมาแสดงความไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  บางรายถึงกับเผาเสื้อของแมนฯยู ที่สกรีน ชื่อโรนัลโด้ ออกสื่ออย่างดุเดือด และอีกมากมายหลายคลิปที่เป็นกระแส ณ เวลานั้น เขาตกเป็นจำเลย ในข้อหาทำร้ายจิตใจแฟนบอลปีศาจแดงอย่างรุนแรง ขนาดที่ว่า ถ้าโรนัลโด้ ย้ายไปสวมชุดของเรือใบสีฟ้าจริง ความดีงามทั้งหมด ที่เค้าเคยสร้างมันขึ้นมา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจกลายเป็น ศูนย์ หรือ กระทั่งติดลบไปเลย

เรื่องราวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปรีซีซั่น

ฤดูกาล 2002/2003

เมื่อพลพรรคปีศาจแดงได้เดินทางไปอุ่นเครื่องกับ ทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอนที่ประเทศโปรตุเกส ปีกดาวรุ่ง หมายเลข 28 ในวันนั้น ปั่นป่วนเกมรับของปีศาจแดงทั้งเกม รอย คีน กัปตันทีมจอมโหด เดินมาบอกกับ จอห์น โอเช กองหลัง ของทีมในเวลานั้นว่า “เอายาแก้ปวดหัวมั้ย ไอ้น้อง” แกรี่ เนวิลล์ กระซิบบอกกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า

เราต้องเอาเด็กคนนี้ไปร่วมทีมของเราให้ได้ 

  และแน่นอนว่า มันสมองระดับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มองเห็น ศักยภาพอันเจิดจรัสของเด็กหนุ่มคนนี้ ถึงขนาดบอกกับทีมเจรจาซื้อ ขายว่า “ถ้าพวกแกซื้อเด็กคนนี้กลับไปไม่ได้ ชั้นจะไม่ยอมออกจากสนามนะเว้ยเฮ้ย” นั่นทำให้ทีมงานต้องวุ่นวายกับการดึงตัวเจ้าหนูคนนี้กันอย่างจ้าล่ะหวั่น และเหตุการณ์วันนั้นก็จบลงด้วยการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญาแข้งดาวรุ่งคนนี้ไปร่วมทีม

ในตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ไปให้กับ เรอัล มาดริด แถมยังพลาดการเซ็นสัญญากับ โรนัลดินโญ่ ที่คาดหวังกันว่าจะมาแทนที่ซุปเปอร์สตาร์คนเก่า การเซ็นสัญญา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำให้แฟนปีศาจแดงในเวลานั้น ได้แต่สงสัยว่า ไอ้เด็กคนนี้มันเป็นใครกันแน่วะ???

ด้วยรูปร่างที่ ผอมเพรียว สีผมย้อมทองนิดๆ ซึ่งไม่มีวี่แววของยอดนักเตะเลยซักนิดเดียว  วันแรกที่ โรนัลโด้ เข้ามาถึงสโมสร เค้าบอกกับป๋าว่า ผมขอ ใส่เบอร์ 28 เหมือนตอนที่อยู่ทีมเก่าได้มั๊ยครับ? แต่ป๋ายื่นคำขาดว่า เอ็งต้องใส่เบอร์ 7 เท่านั้น มันเป็นเบอร์ของยอดนักเตะ และนายจะทำได้ เพื่อสืบสานตำนานเบอร์ 7 ของแมนยูต่อไป สำหรับเด็กน้อย อายุเพียง 18 ปี นี่คือภาระความรับผิดชอบ และความคาดหวังอันหนักอึ้ง บนบ่าของหนุ่มน้อยดาวรุ่งคนใหม่

การลงสนามของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นที่จับตามองจากทุกมุมของสนาม ลีลาการลากเลื้อย ทักษะอันยอดเยี่ยม และเทคนิคในการครองบอลแฟนผีหลายคนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่เหมือนจะเปล่งประกาย จากการเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้

แต่สุดท้ายแล้ว โรนัลโด้ เล่นฟุตบอลบอลในแบบที่เรียกว่า เห็นแก่ตัวมากเกินไป ตะบี้ตะบันเลี้ยง เล่นบอลโชว์ออฟ สับขาหลอก ยิงไกลทุกจังหวะที่มีโอกาส และจ่ายบอลให้เพื่อนเล่นยากเสมอ

จากที่ทำให้ทุกคนที่เริ่มมองเห็นแสงสว่าง กลับเริ่มไม่แน่ใจในตัวผู้เล่นดาวรุ่งหมายเลข 7 ผู้นี้ หนึ่งปีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีการเสริมนักเตะใหม่ และเป็นอีกหนึ่งความหวังของฟุตบอลอังกฤษเข้ามา

เขาคนนั้น คือ เจ้าหนูจอมพลัง ขวัญใจชาวผู้ดีคนใหม่ " เวย์น รูนี่ย์ " ทั้งสองได้กลายเป็นความหวังใหม่ของทีม คนแรกเต็มไปด้วยทักษะ คนที่ย้ายตามมาเติมเต็มด้วยพละกำลัง สองดาวรุ่ง ในสโมสรที่กำลังเปลี่ยนถ่ายยุคสมัย จากเด็กในคลาส 92 ของอคาเดมี่ของทีมที่เริ่มโรยรา การกว้านซื้อนักเตะที่เป็นดาวรุ่งเป็นแนวทางใหม่ของทีมในเวลานั้น และผลงานก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

สามฤดูกาลผ่านไป ไวเหมือนโกหก

แต่เป็นสามฤดูกาลที่เพื่อนร่วมทีม และ แฟนบอลต่างปวดหัวกับวิธีการเล่นของโรนัลโด้ ที่เหมือนจะปรับตัวเข้ากับทีมไม่ได้ซักทีซึ่งในตอนนั้น มองไม่เห็นทางที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะของทีมได้อย่างที่คาดหวัง แม้จะมีทักษะที่สูงส่ง จะชอบก็เหมือนชอบ แต่ก็หงุดหงิดมึงเหลือเกินจริงๆว่ะ ไอ้โด้ ทัศนคติในการเล่นของเค้าไม่มีทางที่จะก้าวผ่าน ชื่อเดิมของยอดนักเตะในตำนาน Ronaldo บราซิลได้ และจุดเปลี่ยนของ โรนัลโด้ ก็มาถึง มันเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น

ทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างบอลโลก 2006

เมื่อโชคชะตาได้นำพาให้ทีมชาติอังกฤษ ของ เวย์น รูนี่ย์ ได้โคจร มาเจอกับ ทีมชาติโปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ขณะที่เกมการแข่งขันกำลังเข้มข้นสูสี เวย์น รูนี่ย์ เข้าปะทะกับ กองหลังจอมแกร่งอย่าง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และแถมยังเหยียบไปที่กล่องดวงใจของยอดกองหลังชาวโปรตุเกส ซึ่งจังหวะนั้นฟาล์วแน่นอน100%

และเป็นโรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีมปีศาจแดง รีบวิ่งเข้ามาบอกกับกรรมการว่า “เฮ้ย อย่างนี้ต้องใบแดงแล้วอาจารย์” รูนี่ย์ ผลักอก โรนัลโด้ ทันควัน ผู้เล่นทั้งสองทีมกรูเข้าหากันชุลมุน ผู้ตัดสินในสนามควักใบแดง อย่างไม่รีรอ เวย์น รูนี่ย์ ดาวรุ่งความหวังของอังกฤษในเวลานั้น โดนไล่ออกจากสนามทันที

ภาพตัดมา คือ เจ้าหนุ่ม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขยิบตาหนึ่งที ให้กับทีมงานโปรตุเกส (อิอิ)  ซึ่งภาพนั้นถูกรีรันและส่งต่อ ทำให้คนเห็นกันทั้งโลกว่า โรนัลโด้ จงใจยั่วยุ รูนี่ย์ จนตบะแตกนั่นแหละครับ เค้า กลายเป็น "ซาตาน" สำหรับชนชาวอังกฤษ

โปรตุเกส ชนะจุดโทษอังกฤษในวันนั้น และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือ เป้าหมายในการโจมตีของแฟนบอลอังกฤษ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เหตุการณ์นี้ไม่ต่างอะไรกับ ตอนฟุตบอลโลก 1998 ที่เบ็คแฮม โดนใบแดง กลายเป็นผู้ร้ายของทีม เมื่อกลับมายังสโมสร ฤดูกาลนั้นเค้าโดนเสียงโห่ไล่ตลอดเวลา เพราะเสมือนเป็นต้นเหตุทำให้ทีมชาติอังกฤษพ่ายแพ้จุดโทษ อาร์เจนติน่า ในเวลานั้น เพียงแต่ ครั้งนี้ โรนัลโด้ ไม่ใช่คนอังกฤษ เค้าต้องโดนความกดดันที่หนักกว่า เดวิด เบ็คแฮม อย่างแน่นอนที่สุด

แล้วก็เป็นจริงดังนั้นครับ โดยเฉพาะในศึกพรีเมียร์ลีก ที่เต็มไปด้วยแฟนบอลชาวอังกฤษ  โรนัลโด้ ได้รับเสียงโห่ทุกครั้งที่ลงสนาม ทุกครั้งที่จับบอล เลี้ยงบอล เสียงโห่นั้นดังก้อง  แม้กระทั่งในวันที่เตะในบ้าน เสียงโห่ก็ยังคงดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ก็ยังคงมีแฟนบอลปีศาจแดงคอยสนับสนุน ในฐานะนักเตะของทีมปีศาจแดง

ทว่าเมื่อไรที่ลงแข่งนอกบ้านแล้วละก็เสียงโห่นั้น จะดังเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวยิ่งนัก  เมื่อเค้าได้บอล เค้ากลายเป็นศัตรูตัวหลัก เป็นเป้าหมายในการโจมตีของแฟนบอลทุกนัด  นอกจากนั้นยังมีข่าวว่า ความสัมพันธ์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เวย์น รูนี่ย์ จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป

ซึ่งคนสำคัญของเหตุการณ์นี้ ย่อมหนีไม่พ้น ผู้กุมอำนาจใหญ่ของปีศาจแดง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่บอกให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ทีมจะไปต่อไม่ได้ถ้าเราไม่สามัคคีกัน ทั้ง เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็มีความเป็นมืออาชีพพอ ที่จะก้าวผ่านเรื่องราวบาดหมางในครั้งนั้น และพยายามพาทีมไป สู่ความสำเร็จให้ได้

ในฤดูกาลนั้น ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 4 ของ โรนัลโด้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ป๋าเดิมพันกับเขาเป็นอย่างมาก สนับสนุนทุกทางเพื่อให้เขายิงประตูให้ได้มากที่สุด เพื่อลบล้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบอลโลก 2006

จบฤดูกาลนั้น โรนัลโด้ คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2006/2007 ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษไปครองได้สำเร็จ ซึ่งคนสุดท้ายที่ได้ 2 ตำแหน่งนี้พร้อมกันในฤดูกาลเดียว คือ แอนดี้ เกรย์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน โดยฤดูกาลนั้น ฟอร์มอันเจิดจรัสของ โรนัลโด้ และ ผองเพื่อน ทำให้ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ หลังจากพลาดแชมป์มาสามปีติดต่อกัน

ในปีต่อมา 2007/2008

โรนัลโด้ก็สามารถพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกได้อีกหนึ่งสมัย รวมไปถึงการได้รางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก และรางวัลสูงสุดคือ การคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก จากการเอาชนะจุดโทษ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ แม้ตัวของเค้าเองจะยิงจุดโทษพลาดในเกมนั้นก็ตาม แต่จบฤดูกาลนั้น ชื่อเสียงของ โรนัลโด้ ไม่ใช่เพียงแค่นักเตะธรรมดาอีกต่อไป

สี่ปี จากการเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง สู่ดาวจรัสแสงที่แท้จริง ในระดับที่ยอมรับกันว่าเป็นตำนาน  ต่อจากตำนานในยุค 70 อย่าง เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสต์

จุดเปลี่ยนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเรอัล มาดริด เริ่มปฏิบัติการ กลาติกอสยุคใหม่ พวกเค้าเดินเครื่อง เพื่อดึงสตาร์โปรตุกีสรายนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อสโมสรอันเป็นความฝันของนักเตะทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ คริส เตียโน่ โรนัลโด้ ติดต่อเข้ามา มีหรือว่าเค้าจะเก็บอาการความดีใจเอาไว้ได้

โรนัลโด้ บอกกับป๋าตรงๆว่า เค้าต้องการย้ายไปอยู่กับ ราชันชุดขาว นั่นคือข่าวที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลปีศาจแดงเป็นที่สุด แต่เส้นทาง ของนักฟุตบอลเรารู้กันดีเสมอว่า ย่อมมีเรื่องราวที่ไม่ถูกใจใครไปเสียทุกคน เรา (แฟนบอลปีศาจแดง) ในเวลานั้น รู้ว่า วันนึงเค้าต้องเดินจากไป แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขอร้องโรนัลโด้ว่า

นายจะไปก็ได้นะ แต่อยู่ช่วยทีมไปอีกซักฤดูกาลได้มั้ย

โรนัลโด้ ตัดสินใจอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล พร้อมทั้งพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน และจึงได้โบกมืออำลาสโมสรไป

แม้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ได้เป็นสโมสรที่ปลุกปั้นเค้ามาตั้งแต่เป็นเยาวชน แต่การที่ดึงเขาเข้ามาตั้งแต่ อายุ 18 ปี ก็ไม่ต่างอะไรกับการดึงดาวรุ่งคนนึงมาปลุกปั้น ซึ่งตอนนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้ แต่ โรนัลโด้ ก้าวข้ามความเป็นดาวรุ่ง สู่การเป็นนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป บัลลง ดอร์ ได้เพราะผลงานที่ได้สร้างไว้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป

จากนั้นตำนานบทใหม่ ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เริ่มต้นขึ้น เค้าย้ายไปสู่สโมสร เรอัล มาดริด ด้วยราคาค่าตัว 80 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสโมสรและสถิติโลกในเวลานั้น (ปี 2009) 9 ฤดูกาลกับ เรอัล มาดริด เค้าไม่ใช่เพียงสตาร์ที่เข้ามาเปล่งแสงวูบวาบแล้วจากไป แต่เค้ากลายเป็นตำนานดาวยิงสูงสุดกับ สโมสรราชันชุดขาว 311 ประตู จาก 292 นัด

เขาพาทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ได้มากมาย และตอกย้ำด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก สามสมัยติดต่อกัน และนั่นคือ คำตอบแทนสุดท้าย ที่เค้าทิ้งไว้ให้กับ เรอัล มาดริด

ก่อนจะย้ายมาหาความท้าทายใหม่ที่อิตาลีกับยอดทีมอย่าง ยูเวนตุส 3 ฤดูกาลกับ ยูเวนตุส เค้ายิงไปถึง 81 ประตู จากการลงสนาม 98 นัด แต่ยูเวนตุสดึงโรนัลโด้เข้ามาร่วมทีม ด้วยความหวังที่จะให้เค้าเป็นจอมทัพในการพาสโมสรไปเป็นเจ้าแห่งยุโรปในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก

แต่จนแล้วจนรอด เส้นทางของ ยูเวนตุส กับถ้วยรางวัลใบใหญ่ที่สุดในระดับสโมสรยุโรปก็ยังไม่เคยมาบรรจบกัน และค่าเหนื่อยของโรนัลโด้ ก็ได้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ทีมต้องรีบแก้ไข มัสซีมีเลียโน อัลเลกรี กุนซือ คนปัจจุบันบอกว่า โรนัลโด้ ไม่ใช่ แนวทางหลักในการทำทีมของเค้า ทำให้ โรนัลโด้ รู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่ต้องการเค้าอีกต่อไป

และการเดินทางครั้งใหม่จึงต้องเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยการไม่ขอลงสนามกับยูเวนตุส เค้าบอกกับเอเย่นต์ส่วนตัวว่า หาทีมใหม่ให้เค้าที 

เรื่องร้ายๆ มันเลยเริ่มเกิดขึ้นตรงนี้ครับ

เมื่อเอเย่นต์ของโรนัลโด้ ดันเอาเรื่องนี้ไปเสนอกับคู่แข่งตลอดกาลของทีมปีศาจแดง ซึ่งคือ ทีมเรือใบสีฟ้า นั่นเอง และนั่นคือ ช่วงเวลาที่จิตใจของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทั้งโลกเริ่มกังวล หาก โรนัลโด้ ย้ายไปใส่เสื้อสีฟ้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริงๆ หัวใจของสาวกปีศาจแดง คงแตกสลาย

แต่สุดท้าย คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี่ ยังคงเป็นฮีโร่คนเดิม คนที่ชาวปีศาจแดงรักและเทิดทูนเค้ามาตลอด คนที่โรนัลโด้นั้นแทบจะยอมให้เค้าทั้งใจมาตลอดชีวิตการค้าแข้ง

การโทรศัพท์ต่อสายตรงไปถึง โรนัลโด้ ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ลูกหนังอีกครั้ง ไม่ว่าข้อความที่ ป๋า คุยกับ โรนัลโด้ นั้นคืออะไรก็ตาม

แต่ตอนนี้ โรนัล โด้ ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับปีศาจอีกครั้งในวัย 36 ปี

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการพาโรนัลโด้กลับบ้าน คือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพเพื่อนร่วมชาติของ โรนัลโด้ ที่แบกทีมปีศาจแดงมา สองฤดูกาลเต็มๆ เค้าโพสต์ในโซเชี่ยลมีเดียของตัวเองว่า เค้าคือ เอเย่นต์ ใน ดีล(ของพี่)โด้ ครั้งนี้

อดีตนักเตะ หลายต่อหลายคนในค่ายปีศาจแดง ออกมาโพสต์ถึงเหตุการณ์นี้ อย่างมีความสุขรอยยิ้มอันมีเลศนัยของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ข้อความแชทของ ปาทริค เอฟร่า ที่ได้คุยกับ โรนัลโด้ แฟนบอลรอจนกระทั่ง สิ้นเสียงนกหวีดที่ยังไม่ได้เป่า ออฟฟิเชียล ของ สโมสรก็ลงข่าวว่า เราจะได้ โรนัลโด้ กลับมาอีกครั้ง

โรนัลโด้ โพสต์ข้อความอำลายูเวนตุสหลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันการคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างเป็นทางการ

วันนี้ผมได้แยกทางกับสโมสรที่มหัศจรรย์ สโมสรที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี หนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินยุโรป ผมได้ทุ่มเทหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อยูเวนตุส และผมรักเมืองตูรินเสมอ จนกระทั่งวันสุดท้ายของผมที่นี่

 

สาวกเบียงโคเนรี่ ให้ความเคารพผมมาตลอด และผมได้แสดงความขอบคุณความเคารพนั้นด้วยการต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อพวกเค้าในทุกๆเกม ทุกๆฤดูกาล และทุกๆการแข่งขัน

 

ท้ายสุดนี้ เราสามารถมองย้อนกลับมา และได้รู้ว่าเราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มากมาย เราอาจไม่ได้ทุกอย่างที่เราต้องการ แต่เราก็ได้เขียนเรื่องราวที่แสนงดงามร่วมกันแล้ว

 

ผมจะเป็นส่วนนึงของพวกคุณตลอดไป ตอนนี้พวกคุณก็เป็นส่วนนึงในหน้าประวัติศาสตร์ของผม ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่า ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณ อิตาลี ยูเว่ ตูริน สาวกแฟนบอลเบียงโคเนรี่ พวกคุณจะอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป

นั่นล่ะครับ คือ มหากาพย์การเซ็นสัญญาคว้าตัวอดีตนักเตะคนนึงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่า เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ณ เวลานี้คงยังไม่มีใครนึกถึง เพราะตำนานบทใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ที่ โอล์ด แทรฟฟอร์ด ไม่มีคำพูดใด ที่จะบรรยายความรู้สึกนี้ได้ไปมากกว่า คำสั้นๆว่า

ยินดีต้อนรับ

มันมากล้น ไปด้วยความรู้สึกลึกๆของแฟนบอลปีศาจแดง การกลับมาครั้งนี้ นายไม่ใช่นักเตะที่โลกไม่รู้จักอีกแล้ว นายมาในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลคนนึงของโลก

 

Welcome Home , Cristiano Ronaldo

ยินดีต้อนรับกลับบ้าน , คริสเตียโน่ โรนัลโด้

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว