ในเรื่องของข่าวเทคโนโลยี ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Exchange Server Subscription Edition (SE) อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Exchange Server 2016 หรือ 2019 ก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ทันสมัยและรองรับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับการบังคับให้ใช้แบบสมัครสมาชิก ทำให้ผู้ใช้ต้องมีการซื้อไลเซนส์สำหรับทุกคนและเซิร์ฟเวอร์
ไม่เพียงแค่การบังคับใช้ระบบใหม่เท่านั้น แต่ Microsoft ยังประกาศการขึ้นราคา 10% สำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบสแตนด์อโลน และสูงถึง 20% สำหรับ Client Access Licenses (CALs) ภายในช่วงท้ายปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม แน่นอนว่าสิ่งนี้สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งานมากมาย
บริษัทมีแผนที่จะยุติการสนับสนุน Exchange Server 2016 และ 2019 ในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการอัปเดตหรือการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกต่อไป หากองค์กรยังคงเลือกที่จะใช้ระบบเก่า จะต้องทำด้วยความเสี่ยงของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ Microsoft กำหนดให้เปลี่ยนไปใช้ Exchange SE เพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่พร้อมจะเข้าสู่ระบบคลาวด์ Microsoft ยังมีตัวเลือกอื่น เช่น Exchange Online หรือ Microsoft 365 ที่เป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสื่อสารผ่านอีเมล
ดังนั้น องค์กรที่ยังคงใช้ Exchange Server รุ่นเก่าจะต้องวางแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต อาจจะต้องมองหาผู้จัดการโครงการและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในการย้ายข้อมูลเข้ามาช่วยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
ด้วยเวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่การสนับสนุนจะสิ้นสุดลง การเปลี่ยนไปใช้ Exchange SE กำลังเป็นทางเลือกที่คู่ควรสำหรับองค์กรที่ต้องการรักษาข้อมูลอีเมลไว้ในสถานที่และมีการจัดการอัปเดตที่มีประสิทธิภาพ
หวังว่าองค์กรทุกแห่งจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด และไม่พลาดโอกาสในยุคของ Exchange Server Subscription Edition พร้อมรับการสนับสนุนและอัปเดตอย่างไม่รู้จบในอนาคต