สำนักข่าว "บีบีซี" รายงานศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แมนฯซิตี้ ของโจเซป กวาร์ดิโอล่า เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ คริสตัล พาเลซ ของ ปาทริค วิเอร่า อดีตแข้งดังของอาร์เซน่อลและยังเคยมาค้าแข้งกับทีม "เรือใบสีฟ้า" ในช่วงก่อนแขวนสตั๊ดด้วย ซึ่งก่อนลงสนามในเกมนี้ทีม "ปราสาทเรือแก้ว" มีสถิติเคยบุกมาเอาชนะเจ้าถิ่นเมื่อปี 2018 ด้วยสกอร์ 2 - 3 แต่การเจอกัน 12 ครั้งที่เหลือ พวกเขาสามารถเก็บแต้มได้จากแมนฯซิตี้ แค่ 2 คะแนน เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในเกมนี้ พวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการบุกมาขึ้นนำก่อน 1 - 0 ตั้งแต่นาทีที่ 5 จาก วิลเฟร็ด ซาฮา ซึ่งเป็นประตูที่ 50 ของเจ้าตัวในการค้าแข้งกับคริสตัล พาเลซ ก่อนที่สถานการณ์ของเจ้าถิ่นจะแย่ลงอีก เมื่ออายเมอริค ลาป๊อกร์ต ปราการหลังทีมชาติสเปน โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้แมนฯซิตี้ ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน ในช่วงครึ่งหลัง แม้ว่าผู้เล่นจะน้อยกว่าแต่ด้วยศักยภาพทีมที่เหนือกว่า เลยยังเป็นของทีมกวาร์ดิโอล่าที่เปิดเกมรุกใส่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายพวกเขาเจาะประตูของคริสตัน พาเลซไม่ได้ และมาเสียเพิ่มอีก 1 ลูกก่อนหมดเวลา 2 นาที จาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ทำให้จบเกม คริสตัล พาเลซ บุกมาชนะ แมนฯซิตี้ ไปได้ 2 - 0
สำหรับสถิติตลอดเกมนี้เป็นเจ้าถิ่นที่เหนือกว่าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่สูงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงประตูก็มีมากถึง 14 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสยิง 8 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็น 2 ประตู โดยทำให้แมนฯซิตี้ สถานการณ์ล่าสุดพวกเขารั้งอันดับ 3 แข่ง 10 นัด มี 20 คะแนน ตามหลังจ่าฝูง เชลซีอยู่ 5 คะแนน ขณะที่คริสตัล พาเลซ อยู่ที่ 13 แข่ง 10 นัด มี 12 คะแนน
นัดต่อไปของแมนฯซิตี้ จะเปิดบ้านรับมือ คลับ บรูช ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนวันพุธนี้ ก่อนจะบุกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อในศึกพรีเมียร์ลีก คืนวันเสาร์ที่ 6 พ.ย. ส่วน คริสตัล พาเลซ โปรแกรมต่อไปของพวกเขาจะเปิดรังเซลเฮิร์สท์ พาร์ค รับมือ วูล์ฟแฮมตัน
ที่มา : BBC
