นักเตะแมนยู เบอร์7 ตํานานอาถรรพ์

นักเตะแมนยู เบอร์7 ตํานานอาถรรพ์

กีฬาวันนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ 5 อันดับนักเตะของสโมสรดังจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่างทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สวมเสื้อเบอร์ 7 แล้วไม่ปัง เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเสื้อเบอร์ 7 ของแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นตำนานที่มีอาถรรพ์อย่างมาก 

ซึ่งว่ากันว่า คนที่เข้ามารับหน้าที่สวมเสื้อเบอร์ 7 นี้ หากบารมีหรือฟอร์มไม่แข็งแกร่งพอก็จะพาร่วงไปเลย ในขณะเดียวกัน หากผู้เล่นคนนั้นถูกเลือกแล้วว่าเหมาะสม มันก็จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับผู้สวมใส่เช่นกัน โดยบทความ กีฬา วัน นี้ จะจัดอันดับจาก นักเตะแมนยู เบอร์7 ที่ฟอร์มแย่ที่สุดไปดีที่สุดและจะนับเฉพาะในยุคของพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

อันดับที่ 5 - อเล็กซิส ซานเชส

เริ่มต้นที่อันดับที่ 5 ‘อเล็กซิส ซานเชส’ ปีกจอมเก๋าทีมชาติชิลี เปิดตัวอย่างสวยงามด้วยการเล่นเปียโนที่โอลแทรฟฟอร์ด แต่ผลงานสวนทางกับค่าตัวมูลค่ามหาศาลที่สโมสรเสียไป ซานเชส ตัดสินใจย้ายจากทีม ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล มาเล่นให้กับปีศาจแดงเมื่อปี 2018 ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้เล่นที่ขึ้น ข่าวกีฬา หน้าหนึ่งกับการฟันค่าเหนื่อยที่แพงที่สุดของสโมสรที่มากถึง 560,000 ปอนด์ หรือประมาณ 23.3 ล้านบาทต่อสัปดาห์ 

โดยก่อนหน้า 9 เดือนที่จะย้ายมาร่วมทัพผีแดง ซานเซส ได้รับการขนานนามว่าเป็นปีกที่อันตรายที่สุดของเกาะอังกฤษ แต่จากการลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด 45 นัด ทำไป 5 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ ก็ถือเป็นผลงานที่น่าผิดหวังอย่างมาก ก่อนเจ้าตัวจะย้ายไป อินเตอร์ มิลาน แบบถาวร ในปี 2020

อันดับที่ 4 - เมมฟิส เดปาย

อันดับที่ 4 ‘เมมฟิส เดปาย’ ย้ายจากทีม พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น เพื่อมาร่วมทีมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2015 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัลป์ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์กับการจรดปลายปากกาเซนสัญญา 4 ปี 

ซึ่งเขาถูกซื้อมาแทน อังเคล ดิ มาเรีย ที่ตัดสินใจย้ายทีมออกไปก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามดาวเตะชาวดัตซ์รายนี้ก็ยังไม่สามารถเป็น นักเตะแมนยู กองหน้า ได้ตอบโจทย์ที่ถูกต้องให้กับทีมผีแดงได้ 

โดยเจ้าตัวฝากผลงานกับแมนฯ ยูไนเต็ด ไว้เพียง 2 ประตู กับการลงเล่น 33 นัด ก่อนจะถูกขายให้ โอลิมปิกลียง ในปี 2017 ซึ่งหลังจากถอดเสื้อเบอร์อาถรรพ์ของแมนยูออก เดปาย ก็สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้และเจ้าตัวก็กลายเป็นกำลังสำคัญของ ลียง ในที่สุด

อันดับที่ 3 - อังเคล ดิ มาเรีย

ต่อกันด้วยคนที่ 3 ‘อังเคล ดิ มาเรีย’ ที่ตัดสินใจย้ายออกจากทีม ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด เพื่อมาหาความท้าทายใหม่กับปีศาจแดง ในปี 2014 ซึ่งคุมทีมโดย หลุยส์ ฟาน กัลป์ กับสถิติค่าตัวที่สูงสุดของสโมสรในตอนนั้นที่ 60 ล้านปอนด์ 

โดยปีกชาวอาร์เจนไตย์โชว์ฟอร์มเก่งได้เพียง 2-3 สัปดาห์แรกของฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งจากอาการบาดเจ็บและการปรับตัวต่างๆ ก็ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจย้ายออกจากโรงละครแห่งความฝันอย่างรวดเร็ว 

หลังจากใช้เวลากับทีมไปเพียงหนึ่งฤดูกาลเท่านั้น ก่อนจะไปร่วมทีม เปแอสเช ในลีกเอิง ด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์ ฝากผลงานกับแมนยูไว้ 3 ประตู กับการลงแข่ง 27 นัด

อันดับที่ 2 - อันโตนิโอ วาเลนเซีย

คนที่ 2 ‘อันโตนิโอ วาเลนเซีย’ ซึ่งถือเป็น นักเตะแมนยู ยุคเซอร์ หลัง ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ สุดยอดผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการคว้ามาจาก วีแกน แอธเลติก ในปี 2009 ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ภายใต้สัญญา 4 ปี 

ในตอนนั้นเขาได้ถูกตั้งความหวังว่าจะมาเป็นตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สำหรับวาเลนเซียถูกพูดถึงว่าเป็นผู้เล่นที่มีฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอมากคนหนึ่ง โดยสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรได้ถึง 2 สมัยในปี 2011-2012 

แต่แล้วเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจเลือกใช้เบอร์ 7 ต่อจาก ไมเคิล โอเว่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่หมดสัญญากับทีมไป ก็กลับกลายเป็นว่าช่วงฤดูกาล 2012-2013 เป็นช่วงเวลาตกต่ำของปีกชาวเอกวาดอร์รายนี้ เจ้าตัวฟอร์มตกจนถูกวิวิพากษ์วิจารณ์ถึงอยู่บ่อยครั้ง

จนในที่สุด วาเลนเซีย ก็ตัดสินใจกลับมาใช้เบอร์เดิมในตอนแรกนั่นก็คือเบอร์ 25 และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของเสื้อเบอร์ 7 หรืออย่างไร เพราะหลังจากเจ้าตัวเปลี่ยนเบอร์เสื้อ วาเลนเซียก็สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้จนกลายเป็นนักเตะหลักคนสำคัญที่แมนฯ ยูไนเต็ดขาดไม่ได้ 

แม้วัยจะร่วงเลยไปถึง 35 ปี และบางครั้งก็ถูกลดบทบาทไปเล่นในแดนหลังบ้างก็ตาม ซึ่งผลงานของ วาเลนเซีย ในการค้าแข้งอยู่ที่โรงละครแห่งความฝันนั้น เขาลงแข่งในสีเสื้อของปีศาจแดงไปทั้งหมด 224 นัด ยิงไป 17 ประตู 

แต่หากนับแค่ช่วงที่เขาเลือกใส่เสื้อเบอร์ 7 วาเลนเซียยิงไปได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น อย่างไรก็ตามวาเลนเซียก็สามารถคว้าแชมป์กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก 2 สมัย เอฟเอคัพ 1 สมัย ลีกคัพ 2 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 3 สมัย และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2 สมัย

อันดับที่ 1 - ไมเคิล โอเว่น

และมาถึงอันดับที่ 1 ‘ไมเคิล โอเว่น’ เจ้าของฉายาเบบี้โกล อดีตกองหน้าดาวดังของ ‘หงส์แดง’ ลิเวิอร์พูล ขวัญใจแฟนเดอะค็อปทั่วโลก ในตอนนั้นกลายเป็น ข่าว กีฬา สุดช็อค เมื่อเจ้าตัวเลือกเลือกย้ายมาร่วมทัพกับทีมคู่แค้นอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดแบบไร้ค่าตัวกับการเซ็นสัญญา 2 ปี 

ในฤดูกาล 2009-2010 โดยได้รับความไว้วางใจจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้สวมเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก นักเตะแมนยู ตํานาน อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกตัวเก่งที่เลือกย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติโลกในเวลานั้น 

สำหรับช่วงเวลาของโอเว่นกับแมนยูก็มักจะหมดไปกับปัญหาอาการบาดเจ็บและความฟิตของร่างกาย ที่มักจะถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเพียงแค่ในเกมเล็กๆ เท่านั้น โดยโอเว่นฝากผลงานไว้ที่ 31 นัด ยิงไปเพียง 5 ประตู แต่ก็สามารถคว้าแชมป์กับทีมได้ถึง 3 แชมป์ด้วยกัน 

นั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย ลีก คัพ 1 สมัย และคอมมูนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย ปัจจุบันเจ้าตัวได้แขวนสตั๊ดไปแล้วในวัย 35 ปี สโต๊ก ซิตี้ คือ สโมสรสุดท้ายที่ร่วมงานด้วย ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในคอลัมน์ ข่าว กีฬา วัน นี้ บ่อยๆ ในฐานะการเป็นนักวิจารณ์ฟุตบอล

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว