สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่า ผู้แบกความหวังของ The Kop ทั้งโลก

ใครจะไปเชื่อว่า ชะตากรรมของ ลิเวอร์พูล ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2021/2022 นี้ จะตกอยู่ในมือของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ชายผู้ที่เคยเป็น กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ ของ ทัพหงส์แดง ที่ในตอนนี้ได้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่ง ผู้จัดการทีม ของ สโมสรในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี อย่าง แอสตัน วิลล่า

เพราะในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เขาจะต้องพา ทีมสิงห์ผงาด ไปเยือนถิ่น เรือใบสีฟ้า ซึ่งถ้าหากว่า ทีมสิงห์ผงาด สามารถพลิกล็อกเอาชนะ ทีมเรือใบสีฟ้า ได้สำเร็จ และก็จะเท่ากับว่า โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2021/2022 ก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย

และถ้าหาก "สตีวี่จี" ทำมันได้สำเร็จ เขาก็คงจะได้หัวใจของ แฟน The Kop ไปทั้งโลก


โดยอดีตกัปตันทีมหงส์แดงคนนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุด ตลอดอาชีพของเขากับ ลิเวอร์พูล เพราะตลอดชีวิตการค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ทั้ง 17 ฤดูกาล จนหลายๆคน มักจะมีภาพจำติดตาต้องใจ ว่า เจอร์ราร์ด = ลิเวอร์พูล และ ลิเวอร์พูล ก็คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่เขาก็ทำได้ดีที่สุดอยู่ที่คำว่าใกล้เคียงจะเป็นแชมป์ลีกเท่านั้น

และก็มีหนึ่งเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งที่กลายเป็นตราบาป และกรีดแทงเป็นบาดแผลติดตัวเขาไปตลอดชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็คือ เหตุการณ์ “ลื่น” ช็อกโลก ที่กลายเป็นภาพจำของใครหลายๆ คนว่า ความผิดพลาดในวันนั้นต่อหน้าแฟนบอลในบ้านของตัวเอง เมื่อฤดูกาล 2013/2014 ได้ทำให้เขา และสโมสรที่เขารัก ต้องพลาด แชมป์พรีเมียร์ลีก ในที่สุด

แต่ทว่าในเวลานี้ ภาพจำอันแสนเลวร้ายนั้น อาจจะกำลังถูกลบเลือนจนหมดสิ้น หากเขาสามารถหยุดยั้งทีมจ่าฝูงในขณะนี้อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2021/2022 ลงได้สำเร็จ

ซึ่งใครจะเชื่อว่าในช่วงเวลาและสถานการณ์ ของ ลิเวอร์พูล กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในตอนนี้ จะกำลังถูกผสมผสานความสัมพันธ์เข้าด้วยกันอีกครั้ง ราวกับว่ามีใครสักคนเขียนบทกำหนดเค้าโครง

หรือนี่จะเป็นการลิขิตเรื่องราวเอาไว้แล้วว่า ท้ายที่สุดแล้ว อดีตกัปตันทีม ที่เป็นที่รักของ แฟนหงส์แดง จะสามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยื่นถ้วยแชมป์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ


เพราะใครจะเชื่อว่า ในเกมที่ลอนดอนสเตเดี้ยม "ทีมเรือใบสีฟ้า" ผู้ยิ่งใหญ่ จะพลาดท่าเสียทีทำได้แค่เสมอกับทาง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ในครึ่งแรกสามารถจะยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ถึง 2 ประตู และมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หลังจากนั้นในนาทีที่ 86 ริยาด มาห์เรซ จะยิงจุดโทษพลาด จนทำให้พวกเขา ทำแต้มหล่นหายไป และเปิดโอกาสให้กับ ทีมอันดับที่สอง อย่าง ลิเวอร์พูล ตามไล่บี้เหลือเพียงแค่คะแนนเดียว

จนในที่สุด การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาล 2021/2022 ก็ได้กลับมาสร้างความลำบากใจให้กับแฟนบอลได้ตามลุ้นตามเชียร์กันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล

เพราะหลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนถิ่น เซนต์ แมรี่ส์ เมื่อวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และสามารถเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปได้ 2-1 โดยที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ได้มีการโรเตชั่นผู้เล่นในทีมมากถึง 9 ตำแหน่ง

และแม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่ คล็อปป์ ก็กล้าที่จะขอลอง และตัดสินใจส่งทีมสำรองลงสนาม ซึ่งจากความเชื่อและความศรัทธาในตัวผู้เล่นของเขา ก็ส่งผลให้ คล็อปป์ ยังคงนำทัพ หงส์แดง ให้มีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ต่อไปได้จนถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล

เกมนี้เราเล่นกันโดยมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น 9 แหน่ง แต่เราก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เราอาจจะตกเป็นรอง 1-0 ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นลูกฟรีคิกของเรา มันทำให้เราโมโหนิดหน่อย แต่นักเตะก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

 

เราทำประตูกันได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเพราะเราไม่เคยผ่อนเกม เราเดินหน้าต่อในครึ่งหลัง แต่มันก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราครองบอลได้ไม่มากพอ แต่ไม่นานนัก เราก็ทำประตูได้เป็น 2-1

 

มันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมากๆ และเป็นฟอร์มที่เหลือเชื่อมาก จากการที่เราเปลี่ยนนักเตะถึง 9 คน หากพวกเขาไม่ทำงานกัน 1000% มันก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของผม

และก่อนจบการสัมภาษณ์ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้ เปิดใจถึงการไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ว่า "แน่นอนว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะในวันอาทิตย์ แมนซิตี้ จะได้เล่นในบ้านกับ วิลล่า โดยที่ แอสตัน วิลล่า เพิ่งจะลงสนามในวันพฤหัสบดี และมันก็เป็นเกมที่ยากกับ เบิร์นลีย์ เพราะพวกเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความอยู่รอด"

แต่นี่มันคือฟุตบอล และผมคิดว่าตอนที่ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ในปี 2019 มันก็ดูเฉียดฉิวมาก และหากว่ามีใครต้องการให้เราได้แชมป์ เราก็จะต้องคว้าชัยชนะเอาไว้ให้ได้เพื่อพวกเขา และ แอสตัน วิลล่า ก็จำเป็นจะต้องมีแต้ม และมันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน แต่มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น มันมีอยู่เท่านี้แหละ

และอย่างที่ทราบกันดีว่า ในเกมสุดท้ายก่อนที่ประตูของศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 จะปิดลง ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล จะได้เล่นในบ้านด้วยกันทั้งคู่

โดย ลิเวอร์พูล จะพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส


และในรายของแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาจะต้องเจอกับ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเรียกได้ว่า มันจะไม่ใช่งานที่ง่ายสักเท่าไหร่ เนื่องจาก ทีมสิงห์ผงาด มี ผู้จัดการทีมหัวใจหงส์แดง อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางกัปตันทีมลิเวอร์พูล เป็นผู้จัดการทีม และสิ่งที่ "ทีมเรือใบสีฟ้า" ต้องระวังเอาไว้ ก็คือ นายใหญ่คนนี้ เพราะเนื่องจากว่าเขามีฐานะเป็น สเกาเซอร์ ขนานแท้ นั่นเอง

โดยที่เงื่อนไขในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ก็คือ หากทีมของ "เป๊ป กวาร์ดิโอล่า" สามารถเอาชนะ ทีมสิงห์ผงาด ได้ ก็จะหมายความว่า พวกเขาจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอบครองในทันที โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าผลของคู่ ลิเวอร์พูล กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร

และถ้าหากในกรณีที่ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างได้รับผลเสมอกันทั้งสองทีม แชมป์ก็จะตกเป็นของ "ทีมเรือใบสีฟ้า" เช่นเดียวกัน


แต่ถ้าหากว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดพลิกล็อคแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า ขึ้นมาจริงๆ และทางฝั่ง "หงส์แดง" สามารถเอาชนะ วูล์ฟแฮมตัน ได้สำเร็จ ก็จะทำให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในทันที

ซึ่งเหล่า The Kop ต่างก็เชื่อกันว่า "สตีวีจี่" ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะสร้างผลงานเพื่อที่จะช่วยลบล้างความผิดพลาดให้กับอดีตทีมรัก ด้วยการล้ม แชมป์เก่า อย่าง ทีมเรือใบสีฟ้า ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อเปิดทางให้ ลิเวอร์พูล เถลิงบัลลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีก 2021/2022

นั่นเลยทำให้เหล่า The Kop ต่างพากันฝากความหวังไว้กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ให้เป็นผู้แบกความหวังของพลพรรค์หงส์แดงทั้งโลกอีกครั้ง

ซึ่งในที่สุดแล้ว หากว่าปาฏิหาริย์ที่เหล่าแฟนหงส์แดงภาวนาให้เกิดขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้จริง รับรองได้เลยว่าเหล่าสาวก The Kop คงอยากเชิญ "สตีวีจี่" ให้มาร่วมชูถ้วยแชมป์ด้วยกัน ราวกับว่า เขาคือหนึ่งในคนสำคัญที่ทำให้สโมสรได้แชมป์พรีเมียร์ลีก

 

และ "แฟนหงส์แดง" ทั่วโลก ก็คงอยากจะให้ความฝันนี้กลายเป็นความจริง

เพราะเราจะได้เห็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่หัวใจหงส์แดง

สามารถพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ

ไม่ว่าในเวลานี้เจ้าตัวอยู่ในบทบาทไหนก็ตาม

 

เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว