ปิดฉากตำนานสายเลือดปีศาจแดงไปแล้วเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา สำหรับ ไมเคิล คาร์ริก (Michael Carrick ) อดีตมิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ร่วมงานกับสโมสรมาอย่างยาวนานถึง 15 ปี
โดยหลังจากที่เจ้าตัวตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2018 ไม เคิ ล คา ร์ ริ ค ก็ได้ผันตัวเข้าร่วมสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชุดใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่ภายใต้การคุมทีมของ 2 กุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก่อนที่จะต้องมาสวมบทบาทเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวในช่วงที่สโมสรกำลังหากุนซือคนใหม่
หลังจากสั่งปลด โซลชาร์ ไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งจากรายงาน ข่าวกีฬา ก็เป็นเรื่องที่ทำเอาแฟนผีแดงต้องประหลาดใจไปพร้อมๆ กับความดีใจ เมื่อ คา ร์ ริ ค ดันคุมทีมในฐานะกุนซือได้เป็นอย่างดี
หลังพาแมนฯ ยูไนเต็ดเอาชนะ บียาร์เรอัล 2-0 และเสมอ เชลซี 1-1 แน่นอนว่า ทำให้เหล่าแฟนบอลต่างใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง หลังแมนฯ ยูไนเต็ดทำผลงานได้แย่ติดต่อกันหลายนัด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อบอร์ดบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้แต่งตั้งให้ ราล์ฟ รังนิก กุนซือชาวเยอรมนี ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
อดีตกองกลางจอมคลาสสิครายนี้ ก็ได้ตัดสินใจประกาศอำลาสโมสร หลังจบเกมที่เจ้าตัวพาทีมเปิดบ้านเอาชนะอาร์เซนอลไปได้ 3-2 เป็นการยุติเส้นทางอันสุดแสนจะยาวนานกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ
หากมองย้อนกลับไปในช่วงที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องแยกทางกับ รอย คีน กัปตันทีมตัวฉกาจที่เป็นผู้นำในแดนกลางมาอย่างยาวนาน หลังจากที่เขาดันด่าเพื่อนร่วมทีมออกสื่อ จึงทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือใหญ่ในเวลานั้น จำเป็นต้องมองหามิดฟิลด์คนใหม่เข้ามาเสริมทีม
ถึงแม้จะดูเหมือนจบไม่สวย แต่ก็ต้องยอมรับว่า การจะหานักเตะที่มีฝีเท้าแบบรอย คีน ได้นั้น ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งสายตาของเฟอร์กูสันก็ไปปิ๊งเข้ากับ ไมเคิล คาร์ริก ที่ในตอนนั้นยังค้าแข้งอยู่กับ ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งสื่อสำนัก ข่าว กีฬา ก็ต่างโหมเล่นข่าวระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ด กับ คาร์ริก อยู่ช่วงหนึ่ง
จนสเปอร์สต้องออกมาบอกว่าได้ปัดตกข้อเสนอจากทีมปีศาจแดงไปแล้ว พร้อมกับที่ มาร์ ติน โยล ก็ได้ออกมาย้ำด้วยว่า ใครจะบ้าขายนักเตะที่เก่งขนาดนี้ออกไป แต่ก็เป็นไปตามที่คาด เมื่อสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายเมื่อเงินถึง คาร์ริก ก็ได้ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมใจ ด้วยค่าตัวที่อัพได้สูงถึง 18.6 ล้านปอนด์
ในช่วงแรกๆ ของการย้ายมาค้าแข้งในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด คาร์ริก ต้องแบกรับความกดดันอย่างมาก เริ่มต้นจากการที่เจ้าตัวต้องสวมเสื้อเบอร์ 16 ที่มาพร้อมความคาดหวังของแฟนๆ ว่า เขาจะเข้ามาเป็นตัวแทน รอย คีน ได้ แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่า สไตล์การเล่นของ คาร์ริก กับ คีน นั้นต่างกันอย่างสุดขั้ว คนหนึ่งเล่นนุ่มๆ เอื่อยๆ ในขณะที่อีกคนดุดันบ้าคลั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ไมเคิล คาร์ริก ก็ยังคงเล่นตามแบบฉบับของเขา ซึ่งอดีตมิดฟิลด์ชาวอังกฤษคนนี้ มองว่าไม่จำเป็นต้องตะบี้ตะบันเข้าปะทะให้รุนแรง แต่แทนที่ด้วยการใช้วิสัยทัศน์อ่านเกมให้ขาด ส่งผลให้เขาแทบไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถควบคุมพื้นที่การเล่นและนำบอลกลับมาครองได้เสมอ
จนในที่สุด ชื่อของ รอย คีน ก็ค่อยๆ จางหายไปจากความรู้สึกของแฟนบอลปีศาจแดง ไมเคิล คาร์ริก ถูกเรียกว่า เป็นมิดฟิลด์โมเดลสมัยใหม่ของยุค 2000 ที่เน้นเอามันสมองเป็นตัวกำหนดการเล่น และไม่เน้นความโดดเด่น เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่ง เซอร์อเล็กซ์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า “เขาไม่ใช่คนที่จะป่าวประกาศว่าตัวเองเจ๋ง เขาเป็นคนเงียบๆ คล้าย พอล สโคลส์ แต่การเล่นของเขาสร้างประโยชน์ให้กับภาพรวมของทีมอย่างมาก”
หรือแม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยอดกุนซือสมองเพชร ก็ยังยกให้ ไมเคิล คาร์ริก อยู่ในระดับเดียวกันกับ เซร์ฆิโอ บุสเกตส์ และ ชาบี อาลอนโซ รวมไปถึง เทียรี่ อองรี ที่ดูเหมือนจะให้คำจำกัดความในการเป็น ไมเคิล คาร์ริก ไว้ได้อย่างชัดเจนที่สุดว่า “ผู้คนมองไม่เห็นคุณค่าของเขา จนกระทั่งเขาเลิกเล่น จึงได้รู้ว่า เขาสำคัญกับทีมมากขนาดไหน”
ตลอดเวลาที่รับใช้สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2006-2018 จากสถิติตามรายงาน ข่าว กีฬา วัน นี้ ไมเคิล คาร์ริก ลงสนามไปทั้งหมด 464 เกม เขาประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย เอฟเอคัพ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และยูโรป้าลีก อย่างละ 1 สมัย
เพื่อนร่วมทีมต่างให้ความชื่นชมในตัวเขาอย่างมาก ซึ่งนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนก็เคยให้สัมภาษณ์ไปในทางเดียวกันว่า หากทีมไม่มี ไมเคิล คาร์ริก พวกเขาก็อาจจะเล่นเข้าขากันได้ไม่ดีเหมือนอย่างที่แฟนบอลเห็น
อย่างไรก็ตาม สำหรับ กีฬาวันนี้ ของวงการฟุตบอล ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อนักเตะอายุมากขึ้นก็จำเป็นจะต้องถูกลดบทบาทลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ บวกกับ คาร์ริก เองก็มีอาการบาดเจ็บเข้ามากวนใจตลอดในช่วงหลังๆ จนกระทั่งเจ้าตัวตัดสินใจรีไทร์เมื่อปี 2018
แต่อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้ ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนต่อไปอีกในยุคของ มูรินโญ่ และ โซลชาร์ โดยล่าสุด ถูกดันให้ขึ้นไปทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทนโซลชาร์ ก่อนที่จะปิดจ๊อบเส้นทางอันยาวนานที่โรงละครแห่งความฝัน ด้วยการพาทีมปีศาจแดงถล่มอาร์เซน่อล 3-2 พร้อมส่งต่อทีมให้กับ ราล์ฟ รังนิก ด้วยสถิติคุมทีมชนะ 2 เสมอ 1 และประกาศอำลาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการ
กีฬา วัน นี้ หากจะบอกว่า การมีอยู่ของ ไมเคิล คาร์ริก คือ ตัวอย่างของผู้ปิดทองหลังพระก็น่าจะใกล้เคียงที่สุด เจ้าตัวคือตัวอย่างของคนที่ทำงานอย่างหนักและเสมอต้นเสมอปลาย โดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสที่เป็นกำลังหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาอย่างยาวนานจริงๆ
