ในที่สุด น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ก็ได้แต่งตั้ง ฌอน ไดช์ ขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้ามาดูแลทีมแทนที่ แอนจ์ พอสเตโคกลู ที่ผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยไดช์จะมีการประเดิมคุมทีมในเกมยูโรปา ลีกที่รังซิตี้ กราวด์ รับการมาเยือนของ ปอร์โต้ สโมสรดังจากโปรตุเกสในสัปดาห์นี้ การเข้ามาของไดช์ก็นับเป็นโอกาสที่ฟอเรสต์จะต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นเพื่อให้เข้ากับเป้าหมายในการกลับมาชนะให้ได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ไดช์มีชื่อเสียงในการใช้แผนบอลยาว ซึ่งแตกต่างจากสองโค้ชก่อนหน้านี้อย่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ และแอนจ์ พอสเตโคกลู ที่นิยมเล่นฟุตบอลแบบต่อบอลสั้นซึ่งกำลังได้รับความนิยมในฟุตบอลยุคใหม่ โดยไดช์ได้อธิบายถึงแนวทางการเล่นของเขาว่าในฤดูกาลนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีการใช้บอลยาวและการจ่ายบอลระยะไกลมากขึ้น
“คุณคงได้เห็นแล้วว่าในฤดูกาลนี้สถิติต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างไร ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มีการเล่นบอลยาวมากขึ้น” ไดช์กล่าว “แน่นอนว่า เวลาทีมอื่นทำแบบนั้น มันคือการจ่ายบอลระยะยาว แต่เมื่อผมทำก่อนหน้านี้ มันคือบอลโยนยาว เราทุกคนต่างรู้ดี”
ไดช์ยังได้กล่าวต่อถึงเป้าหมายของทีมว่า “เราต้องการเล่นให้มีประสิทธิภาพ เพราะเราต้องกลับมาชนะให้ได้” การแก้ไขปัญหาที่ฟอเรสต์พบในฤดูกาลนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเล่นในแบบฉบับเดียว ซึ่งหมายความว่าไดช์จะต้องมองหาทางเลือกใหม่ๆ ในการเล่นฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นบอลยาวหรือบอลสั้น “บอลยาวหรือบอลสั้น? คุณแค่ต้องเล่นฟุตบอลให้ได้ผล เรื่องนั้นไม่มีวันตกยุค”
ไดช์ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของการให้ทีมมีประสิทธิภาพในการชนะ โดยกล่าวว่า “คุณต้องพาทีมชนะ ง่ายๆ แค่นั้นเอง” คำพูดของเขาทำให้แฟนบอลสามารถมองเห็นถึงอนาคตของฟอเรสต์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเล่นในช่วงนี้
ในที่สุด ไดช์จะต้องพิสูจน์ให้แฟนบอลเห็นว่า เขาสามารถมอบความสำเร็จให้กับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นอย่างเหมาะสมหากทีมหวังที่จะกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ต้องตั้งความหวังในเกมถัดไปที่พวกเขาจะพบกับปอร์โต้ในยูโรปา ลีก
สำหรับใครที่สนใจวิเคราะห์เกมอย่างละเอียด ขอแนะนำให้ติดตามการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหรือเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการ วิเคราะห์บอล และเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ดีขึ้น
การมาของไดช์ทำให้แฟนบอลคาดหวังว่าฟอเรสต์จะสามารถกลับมาหยิบยกชื่อเสียงในพรีเมียร์ลีกอย่างที่เคยทำได้ในอดีต