ในค่ำคืนแห่งยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่แฟนบอลนาโปลีคงอยากลืมให้เร็วที่สุด ทีมดังจากอิตาลีต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป 2-6 ต่อ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แม้จะออกนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แต่กลับถูกเจ้าบ้านรัวคืนแบบไม่ยั้ง นับเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่หนักที่สุดของนาโปลีนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
🗣️ หลังเกม อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมของนาโปลี ให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า
“แน่นอน มันเป็นเกมที่น่าผิดหวัง แต่สถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราต้องใช้สิ่งที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงและเปลี่ยนทิศทางของทีมให้ดีขึ้น”
คอนเต้ย้ำว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ควรถูกมองเพียงในแง่ลบ แต่เป็น บทเรียนที่ต้องนำมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง เพื่อหาจุดบกพร่องและสร้างสมดุลที่ดีขึ้นในทีม
เมื่อย้อนมองฤดูกาลก่อน นาโปลีเคยคว้า สคูเด็ตโต้ ได้อย่างงดงาม ด้วยขุมกำลังเพียงจำนวนน้อย แต่เต็มไปด้วยพลังและความสามัคคี อย่างไรก็ตาม ซีซันนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป คอนเต้ชี้ให้เห็นว่า
“เรามีผู้เล่นใหม่ถึง 9 คนในห้องแต่งตัว ซึ่งมันมากเกินไปสำหรับการปรับตัวในระยะสั้น”
🔄 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้ทีมยังหาจุดลงตัวไม่เจอ ขณะเดียวกันนาโปลีก็ต้องเจอบททดสอบสำคัญต่อทันที เมื่อจะลงสนามพบกับ อินเตอร์ มิลาน ในวันเสาร์นี้
เมื่อถูกถามถึงการเปลี่ยนแท็กติกในเกมถัดไป คอนเต้ตอบด้วยอารมณ์ขุ่นเล็กน้อยว่า
“ถ้าคุณชนะ ทุกอย่างดูดี แต่ถ้าแพ้ ทุกอย่างก็กลายเป็นปัญหา”
กุนซือชาวอิตาเลียนกล่าวเสริมว่า เขายังคงเชื่อมั่นในระบบการเล่นที่ฝึกซ้อมมา และมองว่าทีมต้องไม่ตื่นตระหนกกับเสียงวิจารณ์จากภายนอก
“ทุกคนเคยวิจารณ์ เดอ บรอยน์ หลังเกมเดียว แต่ต่อมาเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคือคนที่ขาดไม่ได้ ฟุตบอลก็เป็นแบบนี้เสมอ”
🎯 คอนเต้ปิดท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการ หาสมดุลในทีม โดยเฉพาะในเกมรุกทางปีกสองข้างที่ยังไม่สามารถสร้างจังหวะได้ดีพอ เขายืนยันว่าจะไม่เร่งปรับเปลี่ยนผู้เล่นในทันที แต่จะเน้นไปที่การทำงานร่วมกันและเข้าใจระบบมากขึ้น
💬 “เราต้องทำงานร่วมกันให้มากขึ้น ความสามัคคีคือกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูทีมนี้”
คอนเต้กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
🏟️ สำหรับนาโปลี เกมนี้ถือเป็น บทเรียนราคาแพงในฟุตบอลยุโรป ที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของความอดทนและการปรับตัวในยุคเปลี่ยนผ่าน หากสามารถก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปได้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจกลับมาอย่างที่แฟนบอลรอคอย
