อเล็กซานเดอร์ อีซัค ดาวยิงชาวสวีเดนวัย 25 ปี ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะที่น่าจับตามองหลังย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล มาอยู่กับลิเวอร์พูลในต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวสูงถึง 125 ล้านปอนด์ แต่ฟอร์มการเล่นในช่วงเริ่มต้นนี้กลับถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเขาทำได้เพียง 1 ประตูจากการลงสนามรวม 7 นัดในทุกรายการ นับเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับแฟนบอล
ในเกมพรีเมียร์ลีกล่าสุด ลิเวอร์พูลเปิดบ้านพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แอนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งอีซัคได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน แต่ยังไม่มีประตูในลีกให้เห็น เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างเขากับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เอกีตีเก้ ที่ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมกับ "ปีศาจแดง" แต่สามารถทำประตูได้ 4 ลูกกับลิเวอร์พูล โดย 3 ประตูเกิดขึ้นในเกมลีก
เวย์น รูนีย์ อดีตดาวยิงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนักวิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของอีซัค โดยเขากล่าวว่า “ผมจะไม่ส่งอีซัคลงเล่น เขาดูไม่พร้อมเลยตั้งแต่ย้ายมาจากนิวคาสเซิ่ล" นอกจากนี้ รูนีย์ยังเชื่อว่าอีซัคไม่ได้ซ้อมอย่างเต็มที่ และพลาดการเตรียมความพร้อมในช่วงปรีซีซั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่
เขาตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่เพื่อนร่วมทีมกำลังมีการซ้อมอย่างเต็มที่ อีซัคกลับใช้เวลาไปกับการพูดคุยกับเอเยนต์เกี่ยวกับการย้ายทีมทำให้เขาขาดโอกาสในการฝึกซ้อม และสร้างความเข้ากันได้กับทีม สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาต้องเผชิญกับผลของการไม่เตรียมตัวอย่างเหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อฟอร์มการเล่นอย่างเห็นได้ชัด
“มันยากมากๆ เมื่อคุณไม่ได้ผ่านช่วงปรีซีซั่น ถึงแม้เขาจะพยายามซ้อมเอง แต่ตอนนี้เขากำลังชดใช้ผลที่ตามมา” รูนีย์กล่าวเพิ่มเติม ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับนักเตะที่มีชื่อเสียง พบว่าเขาไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงในสนาม
การวิเคราะห์สถานการณ์ของอีซัคล่าสุดนี้ทำให้เราต้องวิเคราะห์ว่าลิเวอร์พูลต้องการเขาในฟอร์มไหน และวิธีที่ดีที่สุดในการกลับคืนฟอร์มของเขาอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะไม่เป็นภาระให้กับทีมในการแข่งขันที่สูงขึ้นในพรีเมียร์ลีก ตัวอย่างเช่นการวิจารณ์ฟอร์มทีม ดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก ที่มักมีการพูดถึงภายในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล การรอลุ้นให้ดาวยิงใหม่โชว์ฟอร์มในการทำประตูให้กับทีมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ซึ่งการวิเคราะห์ต่อไปจะเป็นการติดตามผลงานของเขาในเกมที่จะมาถึงทั้งในพรีเมียร์ลีกและการแข่งขันอื่นๆ คงต้องมาดูกันว่าอีซัคจะสามารถก้าวข้ามความกดดันและกลับมาเป็นดาวยิงที่ร้อนแรงได้หรือไม่