ในขณะที่การแข่งขันในศึกพรีเมียร์ลีกกำลังดุเดือด มีเสียงพูดถึงฟอร์มการเล่นของ มาร์ติเนลลี่ และ เอเซ่ ที่ถูกส่งลงแข่งขันในเกมล่าสุด ไรท์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ ได้ออกมาแบ่งปันความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า สองแข้งนี้ควรจะเป็นตัวจริงในทีม จากผลงานที่พวกเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจน
มิเกล เมรีโน่ ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งและให้ เอเซ่ ลงเล่นแทน ในขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ลงสนามในช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่สามารถทำประตูตีเสมอให้ทีมได้อย่างน่าประทับใจ เกี่ยวกับนี้ ไรท์ กล่าวว่า “ในสายตาของผม - ผมจะให้ มาร์ติเนลลี่ กับ เอเซ่ ออกสตาร์ทตัวจริง” ซึ่งเขาเชื่อว่าทั้งคู่มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างในเกม
ไรท์ยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเกมฟุตบอลที่แสดงถึงความสามารถในการเล่นเกมเร็วและการเข้าทำที่มีประสิทธิภาพ “มาร์ติเนลลี่ สามารถปลุกใจแฟนๆ ได้ - เอเซ่ สามารถผ่านบอลได้อย่างที่เราเห็น” เขายกย่องความสามารถของทั้งสองคนที่สามารถให้ทีมควบคุมเกมได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทีมคู่แข่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ ต้องถอยลงมาเล่นเกมรับอย่างเหนียวแน่น
เมื่อกล่าวถึงความสำคัญของการมีมาร์ติเนลลี่ในทีม อาร์เตต้าได้เรียกเขาว่าตัวจบสกอร์มากกว่าตัวสำรอง “มันฟังดูต่างจากการเป็นตัวสำรอง แต่คุณก็ยังเป็นตัวสำรองอยู่ดี” ไรท์พูดถึงเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจถึงบริบทของการแข่งขัน
“คุณต้องลงสนามและคุณต้องพยายามเซฟเกมอีกครั้ง คุณอยากลงสนามและพิสูจน์ตัวเอง” ไรท์กล่าวต่อ “ตอนนี้ เขาถูกมองว่าเป็นผู้เล่นประเภทไหน? ด้วยผลงานที่ผ่านมาของเขาใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาสามารถทำได้อีกครั้งในเกมใหญ่”
พิจารณาถึงความท้าทายที่มาร์ติเนลลี่และเอเซ่ต้องเผชิญ ไรท์เสริมว่า “เมื่อไหร่ที่ฉันจะมีโอกาสเป็นตัวจริง? บางครั้งคุณอาจคิดแบบนี้ แต่ผลงานของเขาที่มาจากม้านั่งสำรองนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการมากกว่านี้”
การที่ทั้งมาร์ติเนลลี่และเอเซ่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกในการเล่นเป็นตัวจริง นับว่าเป็นไมล์สโตนที่สำคัญสำหรับทีม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการความสดใหม่และแรงจูงใจในการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานของพวกเขาในเกมที่สำคัญที่สุดจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้จัดการทีมในอนาคต
ในการแข่งขันที่มีความเข้มข้นแบบนี้ การมองเห็นถึงความสามารถและการปรับตัวของนักเตะคือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการที่จะคว้าแชมป์หรือเก็บแต้มในลีกถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย และแน่นอนว่า การเลือกใช้งานทั้งมาร์ติเนลลี่และเอเซ่สามารถเปลี่ยนแปลงผลของการแข่งขันในอีกหลายเกมเมื่อถึงโอกาสจริงนั่นเอง