ในที่สุด คาร์ลอส เบิร์ก กองหน้าวัย 28 ปี ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขากลายเป็นผู้เล่นสก็อตติชคนแรกที่ทำแฮตทริกในบุนเดสลีกา เยอรมนี โดยสามารถพา อูนิโอน เบอร์ลิน เอาชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยสกอร์ 4-3 ในเกมที่น่าตื่นเต้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ประตูทั้งสามลูกที่ทำได้มาจากการแอสซิสต์ของ อันเดร อิลิช ซึ่งเป็นผลงานที่น่ายกย่องมาก
ไม่เพียงแต่สกอร์ ที่น่าจดจำ สำหรับประตูที่สามของเบิร์ก เขาทำประตูได้อย่างสวยงามด้วยการชิพบอลข้ามตัวผู้รักษาประตูคู่แข่งอย่างเหนือชั้น ทำให้แฟนบอลต้องหลงใหลในทักษะการยิงที่เฉียบคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในลีกและแฟนบอลต่างพากันให้ความสนใจอย่างมาก
เมื่อย้อนกลับไปที่ความเป็นมาของเบิร์ก เขาเริ่มต้นค้าแข้งในลีกเยอรมันตั้งแต่ปี 2016 กับ แอร์เบ ไลป์ซิก แต่ไม่สามารถสร้างผลงานได้ตามที่คาดหวัง จึงต้องย้ายกลับไปที่เวสต์บรอมวิช ด้วยค่าตัวประมาณ 15 ล้านปอนด์ แต่ประสบปัญหาในการปรับตัว และถูกปล่อยยืมไปให้ทีมเซลติกและอลาเบสในสเปน
ในปี 2020 เบิร์กได้เซ็นสัญญากับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และยังคงโดนปล่อยให้มิลล์วอลล์ในปี 2022 ซึ่งต้องบอกว่าเขาได้เรียนรู้มากมายจากประสบการณ์เหล่านี้ ก่อนที่จะกลับมาที่บุนเดสลีกาครั้งที่สองกับแวร์เดอร์ เบรเมน แต่การที่ต้องถูกยืมตัวอีกครั้งไปที่มิลล์วอลล์และเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทำให้เขายังไม่มีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
เมื่อฤดูกาลนี้ได้เริ่มขึ้น เบิร์กได้ย้ายไปยัง อูนิโอน เบอร์ลิน และในหนึ่งในเกมที่สำคัญ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถในการทำประตู ทำให้แฟนบอลเริ่มเรียกร้องให้เขากลับมาติดทีมชาติสก็อตแลนด์อีกครั้ง หลังจากที่เคยได้ลงเล่นให้กับทีมชาติเพียงแค่ 13 นัด
อยากให้มีการเรียกตัวเขากลับมาลงสนาม แฟนบอลบางคนแสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการโพสต์กล่าวถึงโค้ชทีมชาติว่า “สตีฟ คลาร์ก ช่วยโทร.หาเขาด่วนเลย” ฟังดูเป็นคำกล่าวที่จริงใจและมีอารมณ์ร่วม เนื่องจากผลงานที่เบิร์กทำเอาไว้ มันไม่ควรถูกมองข้ามไป
คำพูดจากแฟนบอลหนึ่งคนยังได้กล่าวว่า “ไม่แน่ใจว่าสก็อตแลนด์สามารถเพิกเฉยต่อผู้เล่นที่ทำแฮตทริกในบุนเดสลีกาได้หรือ” ซึ่งเป็นการสะท้อนมุมมองที่บอกว่าเบิร์กได้แสดงพลังและทักษะที่เป็นเลิศอย่างแท้จริงในสนาม
จึงไม่แปลกที่ เบิร์กจะกลายเป็นฮีโร่ในเกมนี้ และความสำเร็จล่าสุดในการทำแฮตทริกสามารถเปิดโอกาสให้เขากลับสู่ทีมชาติอีกครั้ง ซึ่งแฟนบอลต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเห็นเขาโชว์ฟอร์มในสีเสื้อสก็อตแลนด์อีกครั้ง