Far Cry เป็นแฟรนไชส์เกมโอเพ่นเวิลด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Ubisoft เป็นเวลากว่า 17 ปีนับตั้งแต่การเปิดตัวเกมในภาคแรกและขับเคลื่อนไปด้วยพล็อตเรื่องคล้ายๆเดิม ช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์คือ Far Cry 3 ในปี 2012 จนกลายเป็นสูตรสำเร็จของเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ซิกเนเจอร์ของ Ubisoft ที่ถูกนำไปใช้ทั้งใน Far Cry 6 รวมถึงแฟรนไชส์เกมออนไลน์ยอดนิยมอื่นๆอย่าง Assassin's Creed และ Watch Dogs
แม้ว่าเกมทั้งหลายเหล่านี้จะประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมหาศาล แต่แฟนๆและนักวิจารณ์หลายคนกล่าวว่าสูตรสำเร็จของเกมโอเพ่นเวิลด์จาก Ubisoft นั้นเริ่มที่จะล้าสมัย และรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีการปฏิวัติอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายและคะแนนจากรีวิวดูเหมือนจะบ่งบอกมันยังใช้ได้ดีอยู่ ใน Far Cry 6 นั้น ผู้เล่นที่หวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็อาจจะผิดหวังไปบ้าง แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะไม่จำเป็นเพราะมันยังคงขายได้ดีเหมือนเดิม
สำหรับการปรับโครงสร้างกลไกการเล่นหลักๆบใน Far Cry นั้นพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยงแปลงไปเลย ความจริงก็คือสูตรสำเร็จของ Ubisoft ที่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมแบบจัดเต็มและมีอะไรหลายๆอย่างให้เราได้ทำไปพร้อมกับการเปิดเผยความลับนั้นยังคงมีประสิทธิภาพอยู่ เพราะมีผู้เล่นจำนวนมากต่างรอคอยให้ Ubisoft ทำเกมใหม่ออกมาในทุกๆปี
ใน Far Cry 6 ผู้พัฒนาได้มอบโลกอันสวยงามพร้อมเครื่องมือให้ผู้เล่นได้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ สร้างไดนามิกอันเป็นแก่นแท้ของแฟรนไชส์โอเพ่นเวิร์ลของ Ubisoft เอาไว้หลายต่อหลายเกม และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในเกมจากผู้จัดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
"สูตรสำเร็จ Far Cry" เป็นคำกว้างๆที่ครอบคลุมหลายต่อหลายสิ่งหลายเอาไว้มากเกินกว่าจะระบุได้ โดยทั่วไปแล้ว เกม Far Cry ส่วนใหญ่เป็นฉากในโลกโอเพ่นเวิลด์ที่ล่มสลายจากสงคราม มีโครงเรื่องเป็นวายร้ายสักคนที่ครอบครองพื้นที่ทั้งหมด ภารกิจหลักของผู้เล่นคือทำลายการปกครองนั้นโดยไล่จัดการกับฐานทัพของศัตรูไปทีละฐานจนกว่าอีกฝั่งอ่อนแอพอที่เราจะรับมือได้แบบตัวต่อตัว
แม้ว่าเกมทั้งหมดในแฟรนไชส์จะมีรูปแบบการเล่นคล้ายๆกัน แต่ Ubisoft ก็พยายามปรับปรุง Far Cry ภาคใหม่ในแต่ละภาคโดยพยายามวนลูปความสำเร็จที่สร้างยอดขายนับสิบล้านในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้สมบูรณ์แบบเหมือนเดิม ผลงานที่น่าจดจำที่สุดสำหรับแฟนๆหลายๆคนคือ Far Cry 3 เป็นเกมภาคแรกที่ได้นำเสนอวายร้าย Far Cry ตามแบบฉบับที่มีคนติดตามเหมือนลัทธิ
ความสำเร็จครั้งใหญ่ของเกมในภาคที่สามทำให้ Ubisoft เดินเกมต่อได้อย่างปลอดภัยด้วย Far Cry 4 ซึ่งจบลงด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับว่ามันคือ DLC ของ Far Cry 3 เสียมากกว่าที่จะเป็นภาคต่อของเกมไป แต่สิ่งที่ยังพอทำให้แยกได้ว่ามันคืออีกภาคหนึ่งก็คือกราฟิกที่ยอดเยี่ยมขึ้นนั่นเอง
เป็นความจริงที่ว่านักพัฒนานั้นใช้วิธีการง่ายๆไปกับภาคต่อของเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 1 แบบโอเพ่นเวิลด์ที่ดีที่สุดที่เคยทำในเวลานั้น หลักฐานที่ดีที่สุดคือ Far Cry 5 ที่มีการยกเอาส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ในอดีตอย่างผู้นำลัทธิที่ในภาคนี้ที่ตัวร้ายเป็น Joseph Seed, มีลูกเล่นของการใช้ปืน และการเข้าตีฐานที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Far Cry 6 ได้แก้ไขข้อผิดพลาดของเกมในภาคก่อนๆทั้งหมด ทำให้เกมในภาคใหม่ได้เข้าใกล้กับคำว่าสูตรสำเร็จของซีรีส์มากขึ้น ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้คือการนำเมืองขนาดใหญ่มาสร้างชีวิตชีวาให้กับโลกโอเพ่นเวิลด์ เพิ่มสัตว์เลี้ยงคู่กายที่มีความสามารถพิเศษต่างๆ รวมไปถึงอาวุธและชุดที่ปรับแต่งได้ รวมไปถึงการวางบทของตัวเอก Dani Rojas ที่ทำเอาไว้ได้อย่างมีสีสัน และนั่นจึงทำให้ทั้งผู้เล่นที่คุ้นเคยและผู้เล่นหน้าใหม่ยังคงเข้าสู่เกมในภาคนี้ได้เหมือนเดิม
ถึงแม้จะถูกวิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความซ้ำซากจำเจ แต่สูตรสำเร็จของ Open-World Game จาก Ubisoft ก็ยังคงใช้ได้ดีและไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงไปซึ่งดูได้จากความสนใจและกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงเปิดตัว Far Cry 6 สุดท้ายนี้ก็ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะมีเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อย แต่โดยรวมแล้ว Far Cry 6 ก็เป็นเกมที่ดีมากๆเกมหนึ่งตามสูตรสำเร็จที่มีมาอย่างยาวนานของ Ubisoft ครับ
Far Cry 6 วางจำหน่ายแล้วบน PC, PS4, PS5, Xbox One และ Xbox Series X/S
ที่มา: Gamerant