White House TikTok Controversy: Pokémon Theme Song Meets ICE Arrests

White House TikTok Controversy: Pokémon Theme Song Meets ICE Arrests
เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา บัญชี TikTok ทางการของทำเนียบขาวได้ปล่อยวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจและสร้างความโต้แย้งในโลกออนไลน์ โดยวิดีโอดังกล่าวแสดงภาพการจับกุมจากหน่วยงาน ICE ร่วมกับเพลงธีมจากอนิเมะ Pokémon ที่เป็นที่รักของเด็กยุค 90 และ 2000 ภาพในการจับกุมที่มาจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิถูกตัดต่อเข้ากับคลิปจากอนิเมะ ทำให้ผู้ชมได้รับชมบรรยากาศที่แปลกประหลาดเมื่อเสียงเพลง "Gotta Catch 'em All!" ดังออกมา เพลง "Pokémon Theme" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Gotta Catch 'em All!" กลายเป็นเพลงที่หลายคนจดจำได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อการ์ตูน Pokémon ออกฉาย ชื่อเสียงของมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้น แม้ว่าจะมีเพลงธีมใหม่ ๆ ในภาคต่อ แต่เพลงนี้ยังคงเป็นที่ชื่นชอบสูงสุด โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น TikTok ที่มีการนำมาใช้ในหลากหลายคลิป วิดีโอดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงเวลาที่เขียนนี้ วิดีโอมีการกดไลค์มากกว่า 98,000 ครั้งและแชร์ไปแล้วกว่า 108,000 ครั้ง อย่างไรก็ตาม คอมเมนต์ในโพสต์กลับมีความเห็นที่หลากหลายและไม่ธรรมดา ผู้ชมคนหนึ่งเรียกร้องให้ Nintendo ฟ้องร้องรัฐบาลเนื่องจากการใช้เพลงธีมของ Pokémon อย่างไม่เหมาะสม ขณะที่คอมเมนต์อีกหนึ่ งได้กล่าวหาว่าวิดีโอนี้เป็นความพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากกรณี Epstein การแสดงความคิดเห็นในหัวข้อนี้มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงประณาม บางคนชื่นชมผู้ดูแลบัญชี TikTok ของทำเนียบขาวโดยบอกว่าควรได้รับการเพิ่มเงินเดือน ในขณะที่บางคนมองว่านี่คือความพยายามที่น่าอับอายในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์กับเกมมีความซับซ้อน โดยทรัมป์ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับเกมที่มีความรุนแรง โดยเชื่อว่ามันอาจมีส่วนส่งผลให้เกิดความรุนแรงในสังคม เช่นเดียวกับความพยายามที่จะควบคุม TikTok ซึ่งเคยตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกระงับในหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่ากำลังมีการเจรจาเพื่อรักษา TikTok ให้ยังคงดำเนินการอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ปัจจุบันยังไม่มีการตอบกลับจาก Nintendo หรือ The Pokémon Company เกี่ยวกับการใช้เพลงธีมนี้ในการโปรโมทการจับกุมของ ICE อาจมีการมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกมและการเมืองในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ล่อแหลม และเชื่อว่าการใช้เพลงธีมที่เป็นที่รักสามารถสร้างความตื่นเต้นควบคู่ไปกับเสียงวิจารณ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง การพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบของเกมต่อสังคมและการเมืองอาจกลายเป็นหัวข้อที่เราควรให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโลกของเกมมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เกมไม่เพียงแต่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กและวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างการสนทนาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมและการเมืองอีกด้วย แม้ว่าผลกระทบของเกมต่อชีวิตประจำวันของผู้คนจะเป็นที่ถกเถียงกัน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การใช้เพลงและองค์ประกอบจากวัฒนธรรมเกมในบริบททางการเมืองนั้นสามารถสร้างความสนใจในกลุ่มผู้ชมที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่แปลกประหลาด แต่มันก็ชี้ให้เห็นว่าการบูรณาการวัฒนธรรมป๊อปเข้ากับประเด็นทางการเมืองนั้นยังคงเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับการสื่อสารที่น่าสนใจ ผลพวงจากเหตุการณ์นี้อาจทำให้เราตระหนักว่า เกมและแอนิเมชันมีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมอย่างไร และยังทำให้เราเห็นถึงความซับซ้อนของการเมืองในยุคปัจจุบันที่ต้องใช้กลยุทธ์ที่สร้างสรรค์และรอบคอบในการพยายามเข้าถึงผู้คนในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ชัดเจนว่าการใช้เกมเป็นเครื่องมือในสื่อการเมืองเป็นสิ่งที่เราอาจได้เห็นมากขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจไม่ใช่เพียงแค่การโปรโมทที่น่าสนใจ แต่ยังก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างวัฒนธรรมเกมและภาคการเมืองที่อาจนำไปสู่การอภิปรายทางสังคมที่สำคัญในที่สุด
เว็บไซต์ ZumRoad ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว